รูซัลกา (Rusalka)
ผีสาวๆในตำนานของชาวสลาฟ รูซัลกานั้นเกิดจากผู้หญิงที่ตายในแม่น้ำก่อนเวลาอันควร รูซัลกานั้นมักอาศัยอยู่แถวๆที่ตัวเองตายนั่นเอง แต่ถ้าในแถบนั้นมีมากกว่าหนึ่งตัวก็จะจับกลุ่มกันอย่างสนิทสนม ว่ากันว่าตอนกลางวันนั้นรูซัลกาจะอยู่ที่ก้นแม่น้ำ ส่วนในตอนกลางคืนก็จะออกมาบนฝั่ง ถ้ามีตัวเดียวมักจะขึ้นไปบนต้นไม้แล้วร้องเพลง แต่ถ้ามีเป็นกลุ่มก็จะจับกลุ่มกันสังสรรค์เฮฮาร้องรำทำเพลงว่าไปตามเรื่อง ซึ่งถ้าเจอผู้ชายหรือเด็ก รูซัลกาก็จะชวนให้มาเล่นด้วย ถ้าเป็นเด็กจะเอาตะกร้าใส่ผลไม้มาล่อ ส่วนผู้ชายนั้นจะใช้วิธีหว่านเสน่ห์ แต่ทั้งสองกรณี รูซัลกาก็จะลากลงไปก้นแม่น้ำด้วยกันนั่นล่ะ ผมของรูซัลกาจะเปียกตลอดเวลา ซึ่งเป็นเพราะพวกเธอมีหวีวิเศษซึ่งใช้เรียกน้ำออกมาได้อยู่ ว่ากันว่าถ้าทำให้ผมเธอแห้งได้รูซัลกาก็จะตายรอบสอง
แต่ก็ไม่ใช่ว่ารูซัลกาจะชั่วร้ายทุกตน รูซัลกาที่เกิดจากสาวน้อยที่ถูกฆาตกรรมนั้นจะไปที่ชอบๆได้ถ้าการตายของเธอได้รับการล้างแค้นแล้ว และเนื่องจากว่ารูซัลกานั้นเป็นวิญญาณของสาวน้อย (อา...ถ้ารุ่นป้าจมน้ำนี่คงนับว่าถึงที่แล้วทุกรายล่ะมั้ง) เธอจึงมีพลังแห่งความอุดมสมบูรณ์ที่ไม่มีโอกาสได้ใช้อยู่ในตัว ซึ่งบางครั้งเธอก็จะใช้พลังนั้นทำให้พืชผลในไร่นางอกงามด้วย จะเป็นเพราะเรื่องนี้หรือเปล่าก็ไม่ทราบ ในแถบที่อุดมสมบูรณ์นั้นจึงมักกล่าวว่ารูซัลกาเป็นสาวสวยมากทีเดียว ส่วนในแถบหนาวๆของรัสเซียนั้น รูซัลกาก็จะมีหน้าตาน่าเกลียด
อ่านรูซัลกา แล้วนึกถึงราฟเฟิ่งเกงเกอ จากตัวป่วนชั้นเซียนตบเกรียนต่างโลกเลยแฮะ
ดาฮากา หรือ อซิดาฮากา (Azhi Dahaka อาซิ หมายถึงงู) หรือ ซาฮาค (Zahhak) เป็นมังกรสามหัวในตำนานของเปอร์เซีย (อิหร่าน)
ดาฮากาเป็นลูกของอาริมัน (จอมปิศาจในตำนานเปอร์เซีย) เป็นงูหรือมังกรสามหัว มีสัญชาตญาณและพละกำลังแบบสัตว์ร้าย แต่มีสติปัญญาและความชั่วร้ายแบบมนุษย์ มีปีกบินได้ บางสำนวนก็ว่าดาฮากามีร่างมนุษย์ แต่ในร่างนี้ก็จะมีส่วนหัวของงูสองตัวยื่นมาจากคอ ถ้าดาฮากาได้รับบาดเจ็บก็จะมีสัตว์มีพิษอย่างงู แมงมุม หรือแมงป่อง พุ่งออกมาแทนเลือด ในช่วงแรกนั้นดาฮากาเป็นมังกรพายุและจับสัตว์ไปกินเฉยๆ แต่ต่อมาก็เริ่มกินมนุษย์บ้าง โดยในที่สุดก็กินราชาของมนุษย์ (ซึ่งก็เป็นมนุษย์คนแรกด้วย) แล้วปกครองมนุษย์อย่างโหดร้ายกว่าพันปี ก่อนจะถูกปราบลงได้ ตำนานกล่าวไม่ค่อยตรงกันว่าใครเป็นคนปราบ บ้างก็ว่าเป็นเทพแห่งไฟ อทาร์ บ้างก็ว่าเป็นวีรบุรุษ เฟริดูน (มีอีกชื่อว่า ธราเอทาโอนา) แต่ไม่ว่าฉบับไหนก็บอกว่าไม่ได้ฆ่าดาฮากา เพราะตอนที่สู้กันนั้น เวลาดาฮากาได้แผลก็จะมีสัตว์มีพิษอย่างแมงมุมหรือแมงป่องพุ่งออกมาแทนเลือด จึงกลัวว่าถ้าฆ่าดาฮากาตายไปแล้วที่อยู่ข้างในจะหลุดออกมาหมดก็จะทำให้สิ้นโลกได้ จึงได้จับดาฮากาล่ามโซ่ขังไว้ในภูเขาดามาวานด์ ซึ่งก็มีคำทำนายอยู่ว่าในวันสิ้นโลกนั้น ดาฮากาก็จะเป็นอิสระและกินมนุษย์กับสัตว์และพืชพรรณในโลกนี้ไปหนึ่งในสาม ก่อนจะถูกฆ่าตายจริงๆ
มายร์เมโคเลอ้อน (Myrmecoleon)
สัตว์ในตำนานของยุโรปยุคกลาง และมีกล่าวถึงในพระคัมภีร์ (Book of Job) ด้วย มดสิงโตมีหัวของสิงโตกับตัวของมด ว่ากันว่าเกิดจากสิงโตโรคจิตไปผับๆๆกับ...มด (หรือไข่มด ซึ่งก็ยังโรคจิตอยู่ดี) ปัญหาสำคัญของมดสิงโตก็คือ ส่วนหัวสิงโตนั้นกินเนื้อ แต่ท้องของมดย่อยแต่เมล็ดธัญพืช มดสิงโตจึงหิวอยู่เสมอ และส่วนใหญ่ก็อดตายในเวลาไม่นานนัก
...ใครที่คิดว่ามันต๊องๆชอบกล เชื่อกันว่ามดสิงโตนี่เป็นความผิดพลาดในตอนที่แปลพระคัมภีร์ครับ
มายร์เมโคเลอ้อน นี่ มัน เหมือนน พวกที่เกิดจากความผิดพลาดจริงๆปฮะ
ภูตของสก็อตแลนด์อีกตัวครับ ตัวนี้ในตำนานจะออกอัปลักษณ์ เป็นคุณป้าอ้วนเตี้ย แต่อย่าไปสนใจภาพลักษณ์สมัยโบราณเลยครับ มาดูรุ่นอัพเดตดีกว่า
ชื่อของแฮรีเม็ก(Hairy Meg - เม็กขนดก)มาจากที่เธอผมยาวเฟื้อยเด่นชัด ซึ่งตำนานบางสำนวนก็ว่าเธอจะมีเส้นขนดกหนาขึ้นมาถึงมือเลย แฮรีเม็กเป็นภูตจำพวกบราวนีซึ่งจะช่วยงานของมนุษย์โดยไม่รับค่าจ้างอะไรนอกจากขนมเค้กกับนมหนึ่งถ้วยทุกวัน แฮรีเม็กนั้นขยันขันแข็งมาก ซึ่งในตำนานเรื่องหนึ่งนั้นบอกว่ามีชาวนาขี้ตืดคนหนึ่งเห็นว่ามีแฮรีเม็กคนเดียวก็ทำงานได้ทั้งฟาร์มแล้ว เลยไล่คนงานคนอื่นๆออกหมด ปรากฏว่าพอเหลือคนเดียว แฮรีเม็กก็ขอค่าแรงบ้าง ซึ่งดันกลายเป็นการตุ๋นครั้งใหญ่ เพราะการจ่ายค่าแรงให้บราวนีนั้นเท่ากับเป็นการเลิกจ้างนั่นเอง เมื่อแฮรีเม็กได้เงินแล้วก็หายไปโดยไม่กลับมาอีก ตำนานอีกสำนวนหนึ่งต่างไปหน่อย คือแฮรีเม็กเพียงแต่ไม่ยอมทำงานแล้วก็ก่อกวนเอาพวกหม้อกระทะไปโยนเล่นจนเละเทะ จนชาวนายอมจ้างคนงานกลับมาแฮรีเม็กถึงได้กลับมาทำงานอย่างแข็งขันเหมือนเดิม
ผีสาวผู้โด่งดังตนหนึ่งครับ
คุณแมรี โชกเลือด (Bloody Mary) เป็นความเชื่อของอเมริกันครับ ก่อนหน้าจะมาเป็นคุณแมรีนั้น ความเชื่อมีอยู่ว่าหากสาวน้อยนางใดอยากเห็นหน้าเนื้อคู่แล้วก็ให้ดับไฟให้หมด จากนั้นพกกระจกหนึ่งบาน อีกมือถือเทียนไข แล้วเดินถอยหลังขึ้นบันไดไปมืดๆแบบนั้น ว่ากันว่าระหว่างนั้นหน้าของเนื้อคู่จะปรากฏบนกระจก แต่ถ้าใครเห็นหัวกะโหลกก็แสดงว่าจะตัยหองก่อนได้แต่งงาน (ส่วนใหญ่ก็...สะดุดบันไดลงมาคอหักตายนั่นล่ะ) นั่นก็คือสมัยก่อนมันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณแมรีนั่นล่ะ
มาทุกวันนี้ พิธีก็เปลี่ยนไปเป็นให้สาวๆเรียกชื่อคุณแมรีหน้ากระจกในห้องมืดโดยมีเพียงแสงเทียน คุณแมรีจะออกมาให้เห็นแบบน่ากลัวเสมอ ส่วนออกมาแล้วจะทำอะไรนั้น บ้างก็ว่าเธอแค่โผล่มาหลอนเฉยๆ ที่ซวยหน่อยก็มีตั้งแต่เบาะๆโดนคุณแมรีด่า สาปแช่ง ไปจนถึงบีบคอ ดูดเลือด แล้วก็กรีดตาให้บอด ฉบับปัจจุบันนี้มักเอาคุณแมรีไปโยงกับราชินีแมรีที่หนึ่งของอังกฤษซึ่งมีประวัติแท้งลูกบ่อย แต่ทางจิตวิทยาบอกว่าการมองหน้าตัวเองในห้องมืดๆแบบนั้นประสาทของเราจะหลอนจนสมองจำหน้าตัวเองยังไม่ได้
ภาพประกอบจาก Elder Sign มาสไตล์สาวโรคจิต Cute and Psycho
สั้นๆครับ...ใครเป็นคริสต์หรืออิสลามที่เคร่งๆหน่อยอาจจะเคือง ก็ขออภัยก่อนนะครับ เว้าซื่อๆเลยว่าเอามาเขียนสั้นๆเพราะชอบรูป
สัตว์ประหลาดสปาเกตตีลอยฟ้า (Flying Spaghetti Monster) เป็นเทพของศาสนาล้อเลียนครับ โดยFSMถูกยกมาครั้งแรกเพื่อล้อเลียนที่จะอนุญาตให้มีการสอนแนวคิดเรื่อง"การคัดเลือกโดยสติปัญญา"คู่ไปกับวิวัฒนาการ โดยคนที่เขียนถึงFSMก็บอกว่าFSMมันก็เป็นเรื่องเป็นราวพอๆกับการคัดเลือกโดยสติปัญญานั่นล่ะ ปรากฏว่าFSMไปโดนใจหลายๆคนเลยเป็นที่แพร่หลายอย่างรวดเร็วเลยมีการตั้งศาสนาเป็นเชิงล้อเลียนเรียกว่าพาสตาฟาเรียนและมีการออกคัมภีร์ด้วย ซึ่งตาม"ความเชื่อ"ของพาสตาฟาเรียนนั้น FSM เป็นสิ่งที่ล่องหนและไม่อาจตรวจจับได้ FSMได้สร้างจักรวาลขึ้นหลังจากที่"ดื่มหนักไปหน่อย" เพราะกำลังมึนๆโลกนี้เลยไม่ใช่สิ่งสมบูรณ์แต่มีข้อบกพร่อง
ภาพประกอบของElder Sign ล้อคำว่า พาสตา กับ ฮัสตา หรือ ฮัสเทอร์นั่นแล
ส่วนยูนิคอร์นล่องหนสีชมพู (Invisible Pink Unicorn)ที่ดังน้อยกว่าเป็นเทพีที่ถูกสร้างขึ้นมาตามแนวคิดของกลุ่มปฏิเสธการมีอยู่ของพระเจ้า ส่วนความเชื่อนั่นก็เล่นง่ายขนาดเอาข้อความในพระคัมภีร์มาแปลงเอาคำว่าพระเจ้ามาเปลี่ยนเป็นยูนิคอร์นล่องหนสีชมพูเอาดื้อๆเลย ตัว IPUนั้นถือเป็นสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติ เพราะถึงจะล่องหนจึงไม่มีใครมองเห็น แต่ก็มีสีชมพู
นี่มัน มิตรภาพคือเวทมนต์! โพนี่/ไม่ใช่ละ
นัคคลาวี (Nuckelavee หรือ Nuckelavee) เป็นปิศาจมนุษย์กึ่งม้าตามความเชื่อบนเกาะออร์คนีทางตอนเหนือของสก็อตแลนด์ รูปร่างของนัคคลาวีจากคำบอกเล่าของชาวเกาะที่รอดมาได้นั้นเป็นม้าที่มีลำตัวของมนุษย์ติดอยู่กลางหลังเหมือนขี่อยู่ ส่วนที่เป็นมนุษย์นี้ไม่มีขาแต่แขนกลับยาวถึงพื้น ส่วนหัวของนัคคลาวีใหญ่เกือบหนึ่งเมตรซึ่งจะหมุนรอบไปเรื่อยๆ (คงแบบหนังผีสมัยนี้ที่ชอบสั่นส่วนหัวเร็วๆจนเบลอ แต่อันนี้หมุนได้รอบเลย)และปากจะยื่นออกมาแบบหมูหรือวาฬ ส่วนที่เป็นม้านั้นจะมีพังผืดที่ขา ส่วนหัวก็จะมีปากกว้างซึ่งส่งกลิ่นเหม็นพิษและดวงตาเรืองแสงสีแดงข้างเดียว ที่น่ากลัวที่สุดก็คือนัคคลาวีไม่มีผิวหนังและสามารถมองเห็นกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และเส้นเลือดได้
ลมหายใจของนัคคลาวีนั้นทำให้ปศุสัตว์เจ็บป่วยและพืชพรรณแห้งเหี่ยว (นั่นก็คือ สมัยก่อนเวลาแล้งจัดๆหรือมีโรคระบาด ชาวเกาะจะโทษตัวนี้) ควันที่เกิดจากการเอาสาหร่ายมาเผาทำผงโซเดียมเพื่อแก้ปัญหาดินเป็นกรดนั้นจะทำให้นัคคลาวีบ้าคลั่งจนสภาพแห้งแล้งและโรคระบาดรุนแรงขึ้นอีก นัคคลาวีนั้นเป็นปิศาจแห่งท้องทะเลและไม่ชอบน้ำจืดอย่างมาก ฉะนั้นถ้าถูกนัคคลาวีไล่ตามก็จะหนีได้โดยการข้ามลำธารหรือแม่น้ำ และในช่วงที่ฝนตกนัคคลาวีก็จะไม่ขึ้นมาจากทะเลด้วย
ในช่วงฤดูร้อนนั้น มิเธอร์แห่งทะเล ภูตผู้ปกครองทะเลและลมฟ้าอากาศจะขังนัคคลาวีไว้ในห้วงน้ำลึกของทะเลได้ นอกจากนัคคลาวีแล้วมิเธอร์ยังได้ขังเทรัน ภูตแห่งทะเลอีกตนซึ่งเป็นผู้มีอำนาจเหนือลมพายุ ช่วงที่มิเธอร์ขังทั้งสองตัวไว้นี้สัตว์น้ำจะแพร่พันธุ์ให้ชาวประมงจับได้มากมาย คลื่นลมสงบ อากาศก็อบอุ่นกำลังดี และแม้แต่สายลมก็จะพัดอ่อนๆน่านอนยิ่งนัก แต่เทรันนั้นจะพยายามดิ้นรนจากที่มิเธอร์ขังไว้ตลอด มิเธอร์จึงทั้งเหนื่อยอ่อนจากการทำงานและขังทั้งสองตัวไว้ จนในที่สุดเทรันก็จะหลุดออกมาและต่อสู้กับมิเธอร์ซึ่งก็คือช่วงฤดูใบไม้ร่วง และเมื่อมิเธอร์ต้องหนีไปพักฟื้นก็จะเป็นฤดูหนาว ก่อนที่เธอจะกลับมาต่อสู้กับเทรันอีกครั้งในฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งจนกว่ามิเธอร์จะสยบเทรันไว้ได้อีกครั้งนัคคลาวีก็จะยังเป็นอิสระ
แม่เลี้ยงของซุสในตำนานกรีกครับ ตำนานบางสำนวนก็ว่าเธอเป็นแพะวิเศษที่คอยให้น้ำนมซุส แต่บางสำนวนก็ว่าเธอเป็นเทพีผู้เลี้ยงแพะตัวนั้นต่างหาก ตามสำนวนหลังนี้เธอเป็นน้องสาวฝาแฝดของรีอา แม่ของซุส และหลังจากที่คลอดซุสรีอาก็เอาไปให้อมัลเธียเลี้ยงดูในถ้ำบนบนเกาะครีท ส่วนตัวเองก็เอาหินมาหลอกโครโนสให้กินแทนซุส อมัลเธียนั้นห่วงว่าโครโนสอาจจะได้ยินเสียงทารกซุสร้องไห้เลยให้พวกนักรบมาซ้อมรบกันตลอดเวลาหน้าถ้ำเพื่อให้เสียงหอกกับโล่ปะทะกันกลบเสียงร้องไห้ของซุส เมื่อซุสโตขึ้นมาหน่อยเธอก็คอยสั่งสอนวิชาต่างๆให้ด้วย ในช่วงที่กำลังซนนี้ซุสมือบอนทำเขาแพะของอมัลเธียหัก เขาที่หักออกมานี้ก็คือคอร์นูโคเปีย เขาแห่งความอุดมสมบูรณ์ที่สามารถเอาอาหารออกมาได้เรื่อยๆ จนซุสโตพอที่จะไปโค่นโครโนสแล้ว ซุสก็ฆ่าแพะของอมัลเธียแล้วถลกหนังไปทำเป็นอีจิส (เป็นโล่หรือเกราะ แล้วแต่สำนวน) นั่นเอง
ภาพจาก Elder Signครับเป็นคนเลี้ยงแพะ แต่เขาตัวเองหัก...(ก็คงไม่โดนถลกหนังหรอกนะ...)