ฆาต - ฆาตกรรมหกแฉก - Jirayu - 05-13-2013
อันนี้เป็นนิยายที่เขียนเอาไว้เมื่อสองสามเดือนก่อน เมื่อวานเห็นพูดเรื่องนิยายกัน เลยเอามาแต่งเพิ่มอีกเล็กน้อย เพื่อให้มันจบตอนแรก แล้วเอามาลงให้อ่านกัน
ลองอ่านกันดูครับ
“รออีกแป๊บนะ กำลังจะออกจากบ้านแล้ว ขอจัดการไอ้นี่ให้เสร็จก่อน”
“เออๆ ตามใจ สายเกินครึ่งชั่วโมงแกเลี้ยงด้วย”
“แหม พูดอย่างกับจะนาน แกออกจากบ้านหรือยังเถอะ ก็ยัง” เขาพูดพลางคุ้ยกองชีทของเขาไปด้วยความเร่งรีบ “เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวจะรีบหาแล้ว”
“เออๆ รีบมาล่ะ”
พูดจบเธอก็วางสายไป
หมอก เด็กหนุ่มวัย 17 ปี กำลังง่วนอยู่กับการหาชีทสังคมที่จะเอาไปให้เพื่อนๆ ของเขาลอก เพราะมันถึงกำหนดส่งพรุ่งนี้ แต่ด้วยความที่อาจารย์แจกชีทโดยใช้หน่วยเป็นกิโลกรัม ทำให้การหาชีทสักแผ่นจากชีทไม่รู้กี่ร้อยใบ เป็นเรื่องที่เหนื่อยไม่ใช่น้อย
“นี่ไง!”
เขาร้องลั่นด้วยความดีใจ หลังจากคุ้ยหาต่อเนื่องมานานเท่าไหร่ก็ไม่ทราบได้ เขารีบยัดชีทใส่แฟ้ม หยิบกระเป๋าเงิน โทรศัพท์ และกุญแจบ้าน ก่อนจะรีบจ้ำอ้าวออกจากบ้านไป
ที่ปากซอยนั่นเอง “ขิง” เพื่อนสาวของเขายืนรออยู่ก่อนแล้ว ขิงเป็นผู้หญิงตัวเล็ก สูงแค่ร้อยห้าสิบเซ็นติเมตรเศษๆ ผิวขาว หน้าตาจัดได้ว่าน่ารักกว่าค่าเฉลี่ยของเด็กกรุงเทพ อันที่จริงก็เกินกว่าค่าเฉลี่ยไปไกลเหมือนกัน ขิงมีนิสัยร่าเริงสดใส ทำให้ในโรงเรียนมีคนมาจีบเธอค่อนข้างเยอะ และเธอเป็น ‘เพื่อนสนิท’ ของหมอก
นั่นแหละ ‘เพื่อนสนิท’
“บอกแล้วไม่เกินครึ่งชั่วโมง”
“เนอะ ไม่เกิน เพิ่งจะยี่สิบแปดนาที”
“เห้ยๆ อย่างอนสิ เอ้า นี่หยิบมาฝาก”
เขาบอกพลางยื่นยาคูลท์ให้เธอขวดนึง
“นี่แกเห็นฉันเป็นพวกเห็นแก่กินหรือไงเนี่ย”
“เอาไม่เอา?”
สิ้นเสียง เธอคว้ายาคูลท์ขวดนั้นไป เอาหลอดปักจึ้กลงไปสองรู และสูบยาคูลท์เข้าสู่ระบบย่อยอาหารจนหมดในห้าวินาที ก่อนจะหันมาหาหมอกและแล่บลิ้นใส่ไปทีหนึ่ง
ใช่แล้ว ยาคูลท์คือของโปรดของเธอ เธอกินมันเกินวันละขวดอยู่บ่อยๆ หมอกรู้ดี
ห้านาทีต่อมา รถสองแถวก็มาถึง ทั้งสองคนก้าวขึ้นรถไป และเจอเข้ากับตั้ม เพื่อนที่โรงเรียน ตั้มเป็นผู้ชายที่ดูดี หน้าตาตี๋ๆ ผิวเกลี้ยงเนียน ขาว สูงราวๆ หนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าเซ็นติเมตร ตั้มเป็นนักกีฬาของโรงเรียน เล่นมันทุกอย่าง จนมีคำพูดว่าไม่มีกีฬาอะไรที่ตั้มเล่นไม่เป็น ด้วยเหตุนี้ ตั้มจึงค่อนข้างเป็นที่นิยมในหมู่ของรุ่นน้อง แต่จริงๆ แล้วตั้มนั้นตามจีบขิงอยู่ จีบมาตั้งแต่ ม.2 จนตอนนี้ ม.5 ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะจีบติดเสียที
หลายครั้งที่ตั้มแอบอิจฉาหมอก ที่ได้อยู่ใกล้ๆ และไปไหนมาไหนกับขิงตลอดเวลา จริงๆ ตั้มก็ไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ หมอกนั้นตัวไม่ได้ขาวอย่างชื่อเลย ผิวออกจะคล้ำ ผิวพรรณก็ไม่ได้ดูดี แม้หมอกจะหน้าตาดูคมกว่าเขา แต่ก็ไม่ได้เข้าใกล้กับคำว่าหน้าตาดีสักนิด แหม จ้างให้ก็ไม่เชื่อหรอกว่าเอ็งคิดกับขิงแค่เพื่อน!
“นี่จะไปไหนกันเนี่ย”
ตั้มเริ่มบทสนทนา
“อ๋อ นัดกับเพื่อนที่ห้องไว้ไง ว่าจะไปดูหนังกันที่ซีคอน”
“จริงอ่ะ นี่ก็กำลังจะไปซีคอนเหมือนกัน”
“มึงตอแหล” หมอกคิดในใจ
“ว่าจะไปซื้อหนังสือการ์ตูนสักหน่อย ดองมาหลายเล่มแล้ว ไม่ได้ซื้อเลย”
“ไอ้คุเอ้ย” หมอกคิดในใจ พลางอ่านแฟรี่เทลในมือต่อไป
จริงๆ แล้วหมอกกับตั้มเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่เรียนประถม เขาทั้งสองคนเรียนด้วยกันมาตั้งแต่ ป.1 ส่วนขิงนั้นเพิ่งย้ายมาอยู่แถวนี้ (และย้ายเข้าโรงเรียนนี้) เมื่อตอน ม.2 และตั้มก็เริ่มจีบขิงมาตั้งแต่ตอนนั้น หมอกเองก็แอบตะขิดตะขวงใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไร มีอย่างมากก็แค่แอบแซะในใจเท่านั้น
สองแถวสีแดงวิ่งปุเรงๆ ไปเรื่อยๆ ตามทางของมัน ไม่นานนักมันก็พาทั้งสามคนมาถึงตลาดหน้านิคม เพื่อที่จะต่อรถเมล์ไปซีคอนอีกต่อหนึ่ง
“ต้องนั่งดูไอ้ตั้มจีบขิงอีกเป็นชั่วโมงเลยเหรอ”
อีกครั้งที่หมอกคิดในใจ ก่อนจะข้าวตามขิงขึ้นรถเมล์ไป
ขิงเลือกที่นั่งริมหน้าต่าง หมอกไม่รอช้า รีบนั่งลงข้างๆ ขิงทันที
เวลาชั่วโมงเศษๆ ผ่านไปอย่างเชื่องช้า ในที่สุดรถเมล์คันเล็กก็พาพวกเขามาถึงซีคอน หมอกกับขิงรีบตรงดิ่งไปที่แมคโดนัลด์ เพื่อนๆ ที่นัดเอาไว้รอเขาที่นั่นอยู่ก่อนแล้ว ส่วนเพื่อนที่ไม่ได้นัดอีกคนนึง ตอนนี้ก็กำลังเนียนๆ เดินตามขิงไปกับเขาด้วย
ในร้านแมคโดนัลด์ หมอกเห็นเพื่อนเขานั่งอยู่ไกลๆ เตย เป้ และนิว กำลังนั่งสุมหัวคุยอะไรกันสักอย่าง หมอกและขิงจึงเดินเข้าไปหาทันที ขิงนั่งลงไปข้างๆ เตย แน่นอน หมอกนั่งปิดลงไปทันที ทิ้งตั้มให้ยืนเอ๋ออยู่ตรงนั้น
“งั้น...” ตั้มพูดขึ้นแหยๆ “เราไปซื้อการ์ตูนก่อนนะ”
ตั้มพูดพร้อมสาวเท้าออกไปเงียบๆ
“เห้ย ไอ้นี่มันยังไม่เลิกตามจีบแกอีกเหรอขิง”
เตยถามขึ้น ทุกคนหันมามองขิงเป็นตาเดียว
“ปล่อยไปเหอะ ฉันก็บอกกับไอ้ตั้มมันแล้วว่าฉันไม่ได้คิดไรกับมัน ยังจะตามจีบอยู่ก็ตามใจ”
“งั้นเหรอ แล้วแกล่ะไอ้หมอก ตามเป็นองครักษ์พิทักษ์ขิงอยู่ตั้งหลายปี เมื่อไหร่แกจะเปิดตัว”
เตยยังถามต่อ หมอกมองหน้าเตยด้วยสีหน้าแปลกๆ
“จะบ้าเหรอวะไอ้เตย”
“เอาจริงนะไอ้หมอก กูก็เคยคิดจะจีบขิง แต่เห็นมึงตามติดมาตั้งแต่ ม.2 กูเลยถอยให้มึงเนี่ย”
เป้เสริมขึ้นมาอีก ขิงเห็นท่าหมอกไม่ดี เลยพูดออกมา
“พวกแกพอเลย ฉันกับไอ้หมอกแค่เพื่อนกันเว้ย ไม่มีไรมากกว่านั้น เค?”
“โถ เฟรนด์โซน มึงพลาดละไอ้หมอก”
นิวตอกย้ำเข้าไปอีกดอก
ใครก็ตามที่เป็นคนบัญญัติคำว่าเฟรนด์โซนขึ้นมา หมอกออยากจะจับมันโยนลงน้ำตกไนแองการ่าเป็นๆ เสียสักร้อยรอบ ในฐานะของตัวแทนมนุษย์เฟรนด์โซนใดๆ ในโลกใบนี้
อย่างนั้นก็เถอะ หมอกหยิบเอาชีทขึ้นมาวางบนโต๊ะ
“อ่ะ เอาไปถ่ายเอกสารซะ แล้วเอามาคืนด้วย”
เหมือนหยอดอาหารให้ลูกนกผู้หิวโหย แฟ้มชีทตกไปอยู่ในมือของเป้อย่างรวดเร็ว เขาเปิดแฟ้มออกและหยิบชีทออกมาดูคำตอบคร่าวๆ ก่อนจะสอดมันกลับเข้าไปในแฟ้ม และยิ้มหน้าบานๆ ออกมาหนึ่งที
“ว่าไป พวกแกรู้ข่าวฆาตกรโรคจิตป่ะ”
อยู่ๆ นิวก็พูดขึ้นมาในระหว่างที่ทุกคนกำลังนั่งกินเฟรนช์ฟรายส์ลดราคากันอยู่นั่นเอง
“ฉิบหาย เปลี่ยนอารมณ์เร็วไปมั๊ย”
“เออน่า พวกมึงได้ข่าวกันมั่งหรือเปล่า”
“ก็ได้ยินอยู่มั่งนะ เห็นว่าแม่งเป็นฆาตกรโรคจิต ตำรวจยังตามจับไม่ได้เลย”
“คือ กูว่าแม่งน่าจะเป็นพวกเล่นของ นับถือซาตาน ไรพวกนั้นด้วยว่ะ นี่ มึงดูนี่นิ่”
นิวพูดขึ้นพลางเปิดแผนที่บนแท็บเล็ตของเขาขึ้นมา บนแผนที่นั้นมีหมุดสีแดงปักเอาไว้ห้าจุด จุดแรกอยู่แถวๆ หมู่บ้านพนาสิน จุดต่อไปถัดมาทางซ้าย จุดนั้นอยู่ตรงเคหะร่มเกล้า จุดต่อไปถัดลงมาอยู่ตรงแถววัดลานบุญ จุดต่อไปขยับไปทางขวาอีก อยู่ตรงบริเวณหมู่บ้านเคหะนคร และจุดสุดท้ายอยู่ทางขวาบน บริเวณหมู่บ้านรุ่งอรุณ หรือแถวๆวัดสุทธาโภชน์
“พวกมึงเห็นอย่างที่กูเห็นป่ะ?”
นิวถามขึ้น แต่กลับมาแต่คนส่ายหน้า
“ไรของพวกเอ็งวะ นี่ ไอ้จุดๆ พวกนี้ มันเป็นที่ที่ไอ้ฆาตกรนี่ลงมือ กูลองปักหมุดลงบนแผนที่เอาไว้ ทีแรกก็ว่ามันไม่มีอะไรนะ แต่พวกมึงลองดูรูปพวกนี้”
นิวสลับไปอัลบั้มภาพ เปิดภาพสถานที่เกิดเหตุขึ้นมาให้คนอื่นดู
“สังเกตุนะ ไอ้นี่มันเอาเหยื่อวางไว้บนผ้าตลอด เห็นนี่มั๊ย ไอ้สัญลักษณ์นี้ มันมีอยู่บนผ้าที่ใช้รองศพทุกผืน”
นิวชี้ไปที่สัญลักษณ์เล็กๆ อันหนึ่ง ลักษณะมันคือดาวหกแฉก ที่เป็นรูปสามเหลี่ยมสองรูปทับกันอยู่
“กูเลยลองเอามาลากเล่นๆ ในแผนที่ มึงรู้มั๊ย กูเจออะไร?”
เขาหยุดหายใจอีกรอบ ทุกคนจ้องตาเขาเพื่อคาดคั้นคำตอบ เขาเปิดเครื่องมือลากเส้นบนแผนที่ขึ้นมา แล้วค่อยลากเส้นแต่ละจุดเข้าด้วยกัน
“นี่ พนาสิน ลานบุญ รุ่งอรุณ สามเหลียมนึง แล้วอีกอัน มึงลากจากเคหะร่มเกล้า ไปเคหะนคร”
“มันยังขาดอีกจุดนึงนี่หว่า”
“เออ แล้วมึงคิดว่าจุดตรงไหนล่ะ แม่งถึงจะเป็นสามเหลี่ยม”
“นิคมลาดกระบัง...”
“ใช่ นิคมลาดกระบัง แถวบ้านพวกแกไง ไอ้หมอก ขิง”
ทุกสายตาเปลี่ยนจากแผนที่ของนิวมามองที่หมอกและขิง หมอกรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาเล็กน้อย ความเงียบอันอึดอัด (แต่ก็ไม่ได้อึดอัดสักเท่าไหร่) เข้าปกคลุมโต๊ะนั้นอย่าง เงียบๆ
“มึงดูหนังมากไปป่ะ”
เป้ทำลายความเงียบเล็กๆ นั้นลง
“มึงนี่พูดเหมือนพ่อกูเป๊ะเลย ขนาดพ่อกูเป็นตำรวจ เมื่อคืนกูเอาไปให้ดู พ่อกูบอกกูดูหนังมากไป แดกจุดอ่ะ แดกจนอิ่มไม่ต้องต่อมาม่าเลย” เขาส่ายหน้าเบาๆ มุกไร้สาระของเขาทำให้เพื่อนๆ พอจะยิ้มมุมปากได้บ้าง “ยังไงก็เหอะ มึงอาจจะบอกว่าที่กูให้ดูนี่มันไร้สาระ แต่ก็ระวังตัวไว้หน่อยแล้วกัน พวกมึงทุกคนแหละ ยังไงตำรวจก็ยังจับคนทำไม่ได้ มันจะไปโผล่ที่ไหนมันก็ได้ทั้งนั้น แต่เอาที่กูคิด เอ็งสองคนอ่ะ น่าระวังตัวกว่าใครเขา”
ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีสักเท่าไหร่นักที่รู้ว่ามันเป็นไปได้ที่ฆาตกรต่อเนื่องที่ลอยนวลอยู่ตอนนี้ อาจจะมาลงมือฆาตกรรมใครสักคนแถวๆ บ้านของเขา มันทำให้ความคิดในหัวของหมอกค่อนข้างวุ่นวาย จับต้นชนปลายจับซ้ายชนขวากันไม่ถูกกันเลยทีเดียว
จริงๆ แล้วในหัวของวัยรุ่นผู้ชายทั่วๆ ไป มักจะมีความคิดหรือจินตนาการเล็กๆ เหมือนกันอย่างหนึ่ง นั่นคือการนึกถึงสถานการณ์ร้ายต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้โดยไม่รู้ตัว เช่นไอ้โรคจิตถือปืนเข้ามากราดยิงในห้องเรียน เกิดเหตุผู้ก่อการร้ายยึดโรงเรียน เกิดสงครามกับประเทศเพื่อนบ้าน หรือบางคนอาจจะไปไกลกว่านั้น เช่นมนุษย์ต่างดาวบุก หรือซอมบี้ระบาด แล้วเราก็จะมานั่งคิดอยู่คนเดียวถึงวิธีรับมือ จะต้องใช้อาวุธอะไรบ้าง หาที่หลบภัยอย่างไร ต้องขับรถไปหาคนนู้นคนนี้ รวบรวมกลุ่มเพื่อน หาอาหารแห้ง คิดจำลองสถานการณ์หากมันบุกเข้ามา เราจะสู้อย่างไร? ฯลฯ
เช่นเดียวกันกับที่หมอกกำลังคิดอยู่ในตอนนี้ เขาจะทำอย่างไรหากฆาตกรโรคจิตมาลงมือแถวบ้านเขาจริงๆ เขาจะทำอย่างไรถ้าเหยื่อของฆาตกรคือครอบครัวของเขา หรือขิง...?
“ขิง!”
อยู่ๆ หมอกก็ร้องเรียกชื่อขิงขึ้นมา ทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียว
“อะไรของแก เรียกซะอย่างกับบ้านฉันไฟไหม้ ... หรือบ้านฉันไฟไหม?”
‘ฉิบหาย’ คำสบถคำสั้นๆ แต่ได้ใจความคำหนึ่งดังลั่นขึ้นมาในหัวของหมอก ตอนนี้เขานึกไม่ออกจริงๆ ว่าจะพูดอะไรต่อไป จะบอกว่าคืนนี้มานอนบ้านเรามั๊ยอย่างนั้นเหรอ? บ้าไปแล้ว!
ช่วงเวลาแห่งการแดกจุดมาเยือนอีกครั้ง ทุกสายตายังคงจ้องมาที่เขาไม่หันไปไหน
“เอ่อ...”
“อะไรของแก?”
“คือ...”
“มึงจะสารภาพรักขิงเหรอ”
ใครคนหนึ่งพูดขึ้น
“มะ... ไม่ใช่เว้ย คือ เดี๋ยวมานะขิง เราว่าเราลืมกระเป๋าตังไว้ที่แมค รอแป๊บๆ”
หมอกพูดขึ้นพลางหันหลังกลับและก้าวเท้าออกไป ทุกคนสังเกตุเห็นรอยนูนเป็นรูปสี่เหลี่ยมทรงกระเป๋าตังอยู่ที่กระเป๋ากางเกงข้างหลังของหมอก
“หมอก กระเป๋าตังมึงอ่ะ กูว่าอยู่ที่กระเป๋าหลังมึงนะ”
เป้ท้วงขึ้นมา หมอกหยุดกึ่กในทันที พลางเอามือจับกระเป๋าหลังของตัวเอง ก่อนจะหันมายิ้มแหยๆ ให้ไอ้เป้
“แหะ จริงด้วยว่ะ”
ทุกคนส่ายหัวและหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันกลับไปแล้วเดินต่อไปยังโรงหนัง ขิงยังหัวเราะคิกอยู่ ก่อนจะเดินมาลากแขนหมอกให้เดินตามเพื่อนๆ ไป ก่อนที่จะโดนทิ้งให้อยู่ตรงนี้แค่คนเดียว
คืนนั้นเอง หมอกนั่งอยู่หน้าคอมจนดึก เพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับฆาตกรรายนี้ ความกังวลว่ามันจะเกิดเรื่องอย่างที่นิวคิด ทำให้เขาข่มตาหลับได้อย่างยากลำบาก ดังนั้นเมื่อนอนไม่หลับ เขาเลยลุกขึ้นมานั่งหาข้อมูลอยู่อย่างนี้ตั้งแต่เมื่อตอนห้าทุ่ม จนตอนนี้เวลาล่วงเลยไปถึงตีหนึ่ง เขาก็ยังคงนั่งอยู่หน้าโน๊ตบุคของเขานั่นเอง บนหน้าจอของเขาเป็นเบราเซอร์ที่เปิดแท็บเอาไว้กว่ายี่สิบแท็บ ทั้งหมดล้วนเป็นข่าวเกี่ยวกับการฆาตกรรมที่เพิ่งเกิดขึ้นทั้งนั้น และเป็นอย่างที่นิวว่า เหยื่อทุกรายถูกวางไว้บนผ้าสีขาว ที่มีสัญลักษณ์ดาวหกแฉกวาดเอาไว้
น่าขนลุกชะมัด
ว่าแต่ขิงจะเป็นไงมั่งนะ?
ว่าแล้วหมอกก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดไปหาขิงทันที ไม่นานนักขิงก็รับสาย
“ฮัลโหล”
“เออ ยังไม่นอนเหรอ ทำไรอยู่”
“นอนอ่านนิยายอยู่ ว่าแต่มีไรเนี่ยถึงโทรมา ไลน์เอาก็ได้ป่ะ”
“ขี้เกียจพิมพ์น่ะ ... เออ ว่าจะไปเซเว่น เอาไปเปล่า”
หมอกพูดขึ้นพลางคว้ากุญแจและกระเป๋าตัง และเดินออกจากบ้านไป
“เซเว่นไม่มียาคูลท์ ... เออ แกซื้อฟุตลองสไปซี่มาฝากหน่อย แล้วก็เป๊ปซี่ขวดนึง”
หมอกตอบตกลง และก้าวเท้าเดินออกจากบ้านไปยังเซเว่นที่อยู่ห่างจากจากบ้านของเขาไปเกือบๆ กิโล ปกติเขาก็เดินออกไปเซเว่นตอนดึกๆ อย่างนี้ทุกวันโดยไม่ได้รู้สึกอะไร อย่างมากระหว่างทางก็มีแค่หมาที่เห่ารับเขาไปตลอดทางเท่านั้น แต่วันนี้เขากลับรู้สึกหวั่นๆ แปลกๆ อาจเป็นเพราะเรื่องฆาตกรที่นิวบอก แต่ก็ยังดีว่าเขายังมีขิงคอยคุยเป็นเพื่อนไปตลอดทาง
ระหว่างทางนั่นเอง
ขณะที่หมอกกำลังเดินไปเซเว่นอยู่นั่น เขารู้สึกตลอดว่ามีใครเฝ้าดูเขาอยู่ หรือบางครั้งก็รู้สึกเหมือนถูกเดินตาม แต่ทุกครั้งที่หันกลับไป กลับไม่มีใครอยู่ตรงนั่นเลยสักคน...
“ฉันรู้สึกแปลกๆ แฮะ เหมือนมีคนเดินตาม”
“หือ?”
ขิงได้ยินดังนั้นก็เด้งตัวขึ้นมานั่งทันที
“แก ให้ฉันออกไปหามั๊ย เดี๋ยวปั่นจักรยานไป”
“ไม่ต้องเลย อยู่บ้านไป เป็นผู้หญิงจะออกมาทำไม ตัวก็เท่าลูกแมว เกิดไรขึ้นจะทำไรใครเขาได้”
“เอ้า แล้วถ้าเกิดใครมาดักทุบแกล่ะ”
“ฉันเก่ง”
อย่างไรก็ตาม เขาสามารถมาถึงเซเว่นได้โดยที่ไม่โดนใครมาดักทุบเข้าเสียก่อน อย่างเช่นทุกครั้งที่เขามาเซเว่น เขาซ้อของหมดเป็นร้อยบาทเหมือนทุกครั้ง ‘แล้วเมื่อไหร่แกจะผอม’ เป็นคำถามที่ขิงถามเขาเสมอๆ เมื่อรู้ว่าหมอกซื้อของอะไรตอนไปเซเว่นบ้าง
“แล้วเมื่อไหร่แกจะผอม”
ครั้งนี้ก็เช่นกัน
และระหว่างที่เขาเดินกลับบ้านนั่นเอง ในขณะที่เขาถือสายคุยกับขิงอยู่ตามปกติ ความรู้สึกที่ว่าเหมือนมีใครสักคนเดินตามเขาอยู่ก็กลับมาอีกครั้งหนึ่ง เขาบอกให้ขิงเงียบสักพักเพื่อเอี้ยหูฟัง และโสตประสาทเขาก็สัมผัสได้กับเสียงหนึ่ง
เสียงเท้าเดิน!
หมอกหันกลับไปในทันใด ห่างจากเขาไปประมาณสิบห้าเมตร ปรากฎเป็นเงาร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งกำลังเดินตามเขามา ในคืนเดือนมืดอย่างวันนี้ ทำให้ไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะมองร่างนั้นให้ละเอียด หมอกรีบสาวเท้าเดินหนีจากจุดนั้นในทันที และทันทีที่หมอกเร่งฝีเท้า เงาร่างนั้นก็เร่งฝีเท้ากระชั้นหมอกเข้ามาด้วย!
ฉิบหาย!
หมอกคิดในใจ และรีบสาวเท้าให้เร็วกว่าเดิม แต่เหมือนจะไม่สามารถสลัดใครสักคนที่เดินตามเขาอยู่ให้หลุดไปได้ ซ้ำร่างนั้นยังใกล้เขาเข้ามาเรื่อยๆ เสียอีก และก่อนที่ร่างนั้นจะเข้าใกล้เขาไปมากกว่านี้ หมอกก็ตัดสินใจออกวิ่งในทันที แต่...
เจ้าของร่างนั้นยืนมือมาจับไหล่ของหมอกเข้าในทันที!
ไม่รอช้า หมอกสะบัดมือนั้นออกและกระโดดพุ่งตัวออกไปทันที แต่ด้วยความตกใจ หมอกจึงพุ่งตัวไปได้ไม่ไกลนัก ก่อนจะเสียหลักล้มลงข้างทาง หัวฟาดเสาลงกองอยู่ตรงนั้นเอง
หมอกร่วงลงกองอยู่กับพื้น มือกำหัวที่ฟาดเสามาด้วยความมึนงง และหูอื้อไปหมด เขาเห็นเงารางๆ ร่างนั้นเดินเข้ามาหา และคว้าแขนเขาขึ้นมา ในมือของใครคนนั้นถือโทรศัพท์ของหมอกที่หลุดมือไปตอนไหนไม่รู้เอาไว้ และในความมึนงงนั้นเอง เขาเห็นใครคนนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู
“ฮัลโหล”
ใครคนนั้นกล่าวกับขิงในโทรศัพท์...
สำหรับอันนี้ เป็นแผนที่ที่นิวปักหมุดเอาไว้บนแท็บเล็ตเขาครับ
RE: ฆาต - ฆาตกรรมหกแฉก - Mary - 05-13-2013
น่าติดตามมากๆค่ะ
|