[ Disast - Eater ] ผู้กลืนกินความหายนะ - oRaMeNo - 05-15-2013
กลับ...กลับมา...กลับมาแล้ว!!!.....ครับ
ห่างหายหน้าไปนานพอสมควรเลย ;w; จริงๆ แล้วผมก็ไม่ได้หายไปนานขนาดนั้นหรอกนะ (แต่ก็นานพอดูล่ะ) ก็...อยากกลับมาพร้อมกับเซอร์ไพรซ์อะไรซักอย่าง
ตอนแรกก็กะจะวาดรูปคู่ชาย - หญิง ของoRaMeNoสองภาคอยู่ แต่วาดไม่เสร็จซักทีเนี่ยสิ TwT
แล้วก็มีคนตั้งอีเว้นต์แต่งนิยายขึ้นมา แล้วก็กำลังอยากแต่งนิยายแนวอื่นพอดี!!
เอาล่ะ...บ่นพอแล้ว เข้าสู่นิยายกันเลยดีกว่าครับ (ส่วนตัว ผมคิดว่ามันค่อนข้างจะโคตรยาวเลยนะครับสำหรับนิยายตอนเดียวจบ พยายามทนอ่านกันหน่อยนะ )
บ่ายแก่ๆ วันหนึ่ง
กรุงเทพ มหานครแห่งความร้อนระอุของประเทศไทย ซึ่งยังคงความร้อนไว้ได้เสมอไม่ว่าจะเป็นฤดูไหน ยิ่งเป็นช่วงบ่ายของวันแล้ว ในเวลาที่ท้องฟ้าแจ่มใสราวกับประชดแบบนี้ มันก็ยิ่งร้อนขึ้นไปอีก
“ร้อน.....โว้ยยย……”
เสียงโอดครวญของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นจากห้องเล็กๆ ในอพาร์ทเม้นต์เก่าๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพ
“หิวด้วย...ไม่มีอะไรตกถึงท้องมาหลายวันแล้วนะเนี่ย….”
เขายังคงโอดครวญต่อไปในสภาพหน้าฟุบโต๊ะ มือข้างหนึ่งก็เอาหนังสือขึ้นมาพัดสุดแรง ถึงแม้มันจะไม่ช่วยอะไรเลยก็ตาม
“ลูกค้าก็ไม่โผล่มาเลยซักคน....เงินจะจ่ายค่าไฟยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ”
ชายหนุ่มเหลือบมองไปยังเครื่องปรับอากาศอย่างสิ้นหวัง ก่อนจะถอนหายใจอย่างหนักหน่วง แล้วปลดกระดุมเสื้อออกทุกเม็ด เผยให้เห็นกล้ามหน้าท้องที่ขึ้นรูปอย่างชัดเจน เขาลุกออกจากโต๊ะทำงาน เดินเข้าห้องน้ำไปอย่างอ่อนแรง
ซ่า ซ่า ซ่า
ชายหนุ่มตักน้ำจากถังขึ้นมาล้างหน้า เนื่องจากไม่มีไฟฟ้า แน่นอนว่าน้ำก็ไม่ไหลเช่นกัน น้ำที่เก็บไว้ก็ดูเหมือนจะไม่พอให้อาบน้ำได้ด้วย เขาจึงทำได้แค่ล้างหน้าเท่านั้น
เขาเงยหน้าขึ้นส่องกระจก เผยให้เห็นร่างสูงโปร่งพร้อมกับใบหน้าที่ดูดี ผมสีดำสนิทยาวระต้นคอเข้าคู่กับดวงตาสีเดียวกัน ในดวงตาของเขามีแววขี้เล่นอยู่อย่างปิดไม่มิด
ชายหนุ่มเดินกลับไปยังห้องทำงานของเขาอีกครั้ง ห้องนี้เป็นออฟฟิศเล็กๆ แบบเรียบง่าย มีโต๊ะทำงานตั้งอยู่หน้ากระจก 1 ชุด กลางห้องมีโซฟาวางอยู่ 2 ตัวหันหน้าเข้าหากัน มีโต๊ะวางคั่นระหว่างโซฟาสองตัวนั้นและที่ผนังห้องมีตู้หนังสือเล็กๆ ตั้งไว้อยู่
เขาเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานของเขาอีกครั้งแล้วหยิบเหรียญออกมาจากกระเป๋าเสื้อ และตั้งมันไว้บนนิ้วโป้งพร้อมจะดีดมัน
“ขอให้วันนี้อย่ากินแห้วอีกเลยนะ....”พูดจบ เขาก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “หัว”
กิ๊ง!
หมับ!
ชายหนุ่มค่อยๆ แบมือออกอย่างช้าๆเพื่อลุ้นดูผลของการพนันกับตัวเขาเอง
ออกหัว!
ชายหนุ่มยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ก่อนจะเก็บเหรียญใส่กระเป๋า แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในทันที
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“เฮ้ย! ยังไม่ทันได้เตรียมตัวก็มาซะแล้วเรอะ”เขาพูดกับตัวเองด้วยความตกใจ แล้วรีบติดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาอย่างลนลาน เมื่อเซ็ตท่าทางให้ดูเป็นการเป็นงานด้วยความรวดเร็วเสร็จแล้ว เขาก็รีบตะโกนออกไป
“เข้ามาได้เลยครับ ประตูไม่ได้ล็อค!!!”
สิ้นเสียงพูด ประตูก็ค่อยๆ เปิดอย่างช้าๆ เผยให้เห็นหญิงสาวรูปร่างอรชรที่อยู่หลังประตู เป็นผู้หญิงผมทองที่หน้าตาจัดว่าใช้ได้คนหนึ่ง เธอใส่ชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งทำให้ดูน่ารักขึ้นไปอีก
“อ่า...คือ”
“ครับผม บริษัท[ขจัดโชคร้าย]ยินดีให้บริการครับ เชิญนั่งที่โซฟาก่อนเลยนะครับ”ชายหนุ่มพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างเป็นมืออาชีพ
เขาผายมือให้หญิงสาว เธอจึงค่อยๆ นั่งลงและวางกระเป๋าไว้ข้างๆ ส่วนชายหนุ่มเองก็ลุกมานั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้ามพร้อมกับสมุดและปากกาชุดหนึ่ง
“ก่อนอื่นเลยนะครับ ขอทราบชื่อคุณลูกค้าด้วยนะครับ”
“...ฉันชื่อ ละอองดาว วงศ์ไกร ค่ะ เป็นนักศึกษาปีสองจากมหาวิทยาลัย ก. หรือจะเรียกว่า ดาว เฉยๆ ก็ได้ค่ะ”
“ครับ คุณละอองดาวนะครับ ส่วนผมชื่อชินนะครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”ชายหนุ่มจดอะไรบางอย่างลงสมุดพร้อมกับพูดแนะนำตัวกลับ
“แค่ ชิน เท่านั้นเหรอคะ?”หญิงสาวหรี่ตาถามอย่างไม่แน่ใจ
“ครับ แค่ ชิน เท่านั้น”ชายหนุ่มยิ้มตอบ
‘คงเป็นกฎของทางบริษัทล่ะมั้ง....’ดาวคิดอย่างไม่ติดใจอะไร
“ขอโทษนะครับที่ที่นี่ร้อนไปหน่อย เดี๋ยวผมไปเปิดหน้าต่างให้นะครับ”ชินลุกไปเปิดหน้าต่าง ลมร้อนที่พัดเข้ามานั้นมันไม่ช่วยให้ห้องนี้เย็นขึ้นเลย
“เอ่อ....เปิดแอร์ไม่ดีกว่าเหรอคะ”หญิงสาวถามได้ตรงประเด็นจนชายหนุ่มสะอึก
“เอ่อ...ก็....พอดีไฟฟ้ามีปัญหานิดหน่อยน่ะครับ ตอนนี้ก็ไฟดับอยู่ ต้องขอโทษคุณลูกค้าด้วยนะครับ”ชินตอบกลับไปในสภาพเหงื่อแตก ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะความร้อนหรืออย่างอื่นกันแน่
“เอาล่ะ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ”ชินเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็ว”วันนี้ คุณละอองดาวมีอะไรให้บริษัทขจัดโชคร้ายรับใช้งั้นเหรอครับ?”ชายหนุ่มกล่าวคำพูดการค้าของเขาออกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“อ่า...ค่ะ”ดาวเงียบไปซักพักก่อนจะพูดขึ้นว่า”คือช่วงนี้ฉันรู้สึกไม่ดีเลยค่ะ มีเรื่องแย่ๆ เข้าหาตัวอย่างไม่หยุดไม่หย่อน เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่แย่ที่สุดในชีวิตเลยล่ะค่ะ”หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดต่อ”ถูกรถเฉี่ยวบ่อยจนนับไม่ได้ บางทีก็มีของตกลงมาจากตึกจนเกือบจะกระแทกหัว ได้รับบาดเจ็บโดยบังเอิญบ่อยมากด้วยค่ะ”
“คุณก็เลยมาที่นี่ ตามใบปลิวงั้นเหรอครับ?”
“....ค่ะ เพื่อนก็แนะนำอยู่เหมือนกันว่าให้ไปทำบุญ สะเดาะเคราะห์ แต่ฉันก็ไปมาหลายที่แล้ว ก็ยังไม่ดีขึ้นเลย...ไม่แน่ใจว่าที่นี่จะช่วยฉันได้มั๊ย”ประโยคหลังดาวพูดกับตัวเองเบาๆ
‘อ้าว อ้าว พูดอย่างงี้มันแอบหาเรื่องกันนี่นา’แต่มันก็ไม่อาจรอดหูผีของชายหนุ่มไปได้ แต่เขาก็ยังคงยิ้มไว้ทำเหมือนไม่ได้ยิน
“คุณแน่ใจนะครับ ว่ามันไม่ได้เป็นฝีมือของใครบางคน เช่นคนที่อาจปองร้ายคุณ....”ชินลองสันนิษฐาน
“ไม่หรอกค่ะ ฉันคิดว่าฉันไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนจนถึงขั้นต้องมาปองร้ายกันแบบนี้”ดาวพูดด้วยความมั่นใจ ซึ่งคำพูดนั้นทำให้ชายหนุ่มเลียปากขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“ผมว่าคุณออกจะโชคร้ายมากเกินไปหน่อยนะครับเนี่ย...เอางี้ ผมจะให้อะไรบางอย่างกับคุณไป ผมคิดว่ามันจะทำให้คุณดีขึ้น”ชายหนุ่มลุกไปหยิบอะไรบางอย่างจากลิ้นชักโต๊ะทำงาน แล้วเขาก็วางมันไว้บนโต๊ะที่อยู่กลางห้อง
“มันคืออะไรเหรอคะ?”หญิงสาวมองไปยังวัตถุประหลาดที่อยู่ตรงหน้า มันเป็นเหมือนงานฝีมือของชาวอินเดียนแดง มันมีลักษณะเป็นวงกลม มีตาข่ายพันอยู่ในวงนั้น มีขนนกติดเป็นพู่อยู่ตรงปลาย
“มันคือ เครื่องดักฝัน ครับ เป็นความเชื่อของอารยธรรมหนึ่ง ว่ามันจะดักเรื่องร้ายๆ ได้ ปกติจะเอาไว้ที่หัวนอน แต่ถ้าพกไว้กับตัวตลอดก็ใช้ได้เหมือนกันครับ”
“จะขายของกันเหรอคะ?”ดาวถามแบบไม่เชื่อใจ
“โอ๊ะ เปล่าครับ อันนี้ผมให้ฟรีๆ ไปเลย ไม่ได้จะขายของอะไรอย่างงั้นหรอกครับ”ชายหนุ่มปฏิเสธอย่างรวดเร็วก่อนจะพูดต่อ”ตรงปลายล่างสุดจะมีช่องให้เขียนชื่ออยู่ ตามความเชื่อถ้าเขียนชื่อเจ้าของลงไปมันจะได้ผลดีนะครับ”ชินยื่นปากกาให้หญิงสาว เธอลังเลอยู่ซักพักก่อนจะเขียนชื่อตัวเองลงไป
วาบ!
เกิดแสงสว่างเล็กๆ แวบออกมาที่หลังมือของชิน และนั่นทำให้เขายิ้มออกมาอย่างพอใจ โดยที่ดาวไม่ทันสังเกตเห็น
“แล้วคุณแน่ใจจริงๆ นะครับ ว่าไม่มีคนปองร้ายคุณจริงๆ”
“ไม่มีแน่นอนค่ะ!”หญิงสาวตอบเสียงขุ่น ราวกับเคืองเล็กน้อยที่คนตรงหน้าถามอะไรซ้ำๆ
“ถ้าคุณแน่ใจแบบนั้น มันก็ชัดเจนแล้วล่ะครับ”ชินกระแอมสองสามครั้งก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“คุณน่ะ ถูก[ไดแซสเตอร์]สิงแล้วล่ะครับ!!!”
“คะ?”
.”อ้อ คุณคงไม่รู้จักไดแซสเตอร์สินะครับ ไดแซสเตอร์น่ะ ถ้าว่าตามภาษาอังกฤษแล้วก็แปลว่าภัยพิบัติ ซึ่งนั่นก็หมายถึงโชคร้ายของคุณน่ะครับ”ชินค่อยๆ อธิบายให้ดาวฟัง”ซึ่งเจ้าพวกนี้เนี่ย มันจะคอยสิงร่างมนุษย์ และปกปิดตัวตนไม่ให้ใครเห็น โดยมันจะคอยกัดกินวิญญาณมนุษย์ด้วยการดึงเรื่องร้ายๆ เข้าใส่ตัวเจ้าของร่าง จนร้ายแรงที่สุดก็จะถึงแก่ความตาย....”
“เอ่อ...ฉันคิดว่านั่นมันออกจะเพ้อฝันไป...”ดาวพูดขัด แต่ชินก็หาได้สนใจไม่
“การจะจับไดแซสเตอร์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย พวกมันซ่อนตัวเก่งมาก และจะโผล่หางออกมาแค่ตอนที่โชคร้ายแสดงผลออกมาเท่านั้น เพราะฉะนั้นในเวลาปกติเราจะจับตัวพวกมันไม่ได้เลย....”
‘อีตานี่ต้องเพี้ยนแน่ๆ เลย กลับดีกว่าเรา’ดาวคิดในใจ ก่อนจะพูดขัดขึ้นมาเสียงดังว่า
“ฉันนึกขึ้นได้ว่ามีธุระ เพราะงั้นฉันกลับก่อนนะคะ!”
หญิงสาวลุกพรวดขึ้นมา ก่อนจะหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกนอกห้องอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่หยิบเครื่องดักฝันของตัวเองไปด้วย
“อ้าว...ไปซะแล้ว ยังอธิบายไม่จบแท้ๆ ”ชินหยิบเครื่องดักฝันของดาวขึ้นมาดู กระดาษที่อยู่ตรงปลายถูกเขียนเอาไว้ว่า’ละอองดาว’
ชินกำมันอย่างแรง แต่พอเขาแบมือออก มันกลับหายไป!
ชายหนุ่มยกหลังมือขึ้นมาดู ปรากฏเป็นสัญลักษณ์อะไรซักอย่างราวกับรอยสัก ชินเห็นดังนั้นก็ยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก
“หึ ไม่ว่ายังไง โชคร้ายของเธอ มันก็ต้องมาอยู่ในท้องของฉัน”
------------------------------------------------------------
หลายวันมานี้โชคร้ายที่สุดเลย....
หญิงสาวผมทองคิดในใจระหว่างการเดินกลับบ้าน ตั้งแต่วันที่เธอไปพบกับอีตาเพี้ยนนั่น หลังจากนั้นชีวิตก็ยิ่งแย่ลงไปอีก ทั้งสุนัขมาไล่กัด คนเสิร์ฟอาหารทำอาหารหกใส่ ของตกลงมาจากระเบียง ไหนจะเกือบถูกรถชนอีก ที่แย่ที่สุดก็คือ เจ้าคิตตี้ แมวที่เลี้ยงไว้ก็มาตายจากไปซะแล้ว
แถมช่วงนี้เหมือนเห็นอีตาเพี้ยนนั่นบ่อยขึ้น ไม่รู้ว่าตาฝาดรึเปล่า แต่ยังกับมาวนเวียนอยู่รอบๆ ชีวิตเธออย่างงั้นแหละ
ดาวยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอเบิกตาโพลง
“ตายละ สายขนาดนี้แล้ว เดี๋ยวกลับไปดูละครไม่ทัน!”หญิงสาวร้องวี้ดว้ายแล้วรีบวิ่งกลับบ้านอย่างรวดเร็วจนมาถึงซอยเปลี่ยวๆ ซอยหนึ่ง
‘ไม่อยากผ่านซอยนี้เลย มันดูน่ากลัวยังไงไม่รู้ แต่ถ้าไม่ผ่านก็คงกลับบ้านไม่ทันแน่ๆ’หญืงสาวคร่ำครวญอยู่ในใจ ก่อนจะตัดสินใจว่า’เอาเถอะ! ครั้งเดียวเอง มันคงไม่เกิดอะไรขึ้นหรอกน่า’
ดาวเดินเข้าซอยเปลี่ยวนั้นไป โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตากลุ่มหนึ่งแอบมองเธออยู่ข้างหลังมาได้ซักพักแล้ว
หญิงสาวเดินอยู่ในซอยคนเดียวอย่างหวาดระแวง แต่เดินมาได้ซักพักก็ไม่เห็นมีอะไร เธอจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
ตึก!
เสียงฝีเท้าดังขึ้นข้างหลังเธอ ดาวหันขวับไปทันทีด้วยความตกใจ แต่ว่าข้างหลังเธอนั้นกลับไม่มีอะไรอยู่เลย
“คิดไปเองหรอกเหรอ”หญิงสาวหันกลับมาเดินต่อ แต่เธอก็เดินชนอะไรบางอย่างที่สูงใหญ่ในทันที”อุ๊ย!”
ดาวเงยหน้าขึ้นมามองว่าเธอชนเข้ากับอะไร ซึ่งนั่นทำให้เธอตกใจอีกครั้ง เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอนั้น คือกลุ่มอันธพาลสามคนที่ดูหน้าก็บอกถึงความชั่วได้เป็นอย่างดี
“อ้าวๆ น้องสาว มาเดินชนกันแบบนี้หาเรื่องกันหรือไงจ๊ะ”
“ดูซิ กาแฟของลูกพี่หกรดเสื้อหมดเลย”
“น้องสาวจะชดใช้ยังไงหือ?”
กลุ่มอันธพาลพูดตามบทตัวร้ายแบบในละครเป๊ะ ส่วนดาวที่ถูกรุมล้อมโดยผู้ชายตัวใหญ่สามคนก็กลัวจนไม่รู้จะทำยังไง แต่พอเธอจะร้องออกมาก็มีมือข้างหนึ่งมาปิดปากเธอไว้
“ดูๆ ไปแล้วน้องสาวก็น่ารักดีนี่นา งั้นช่วยทำให้พวกพี่มีความสุขด้วยร่างกายก็แล้วกันนะจ๊ะ”อันธพาลพูดออกมาด้วยใบหน้าหื่นกระหาย ดาวก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนน้ำตาไหลพรากอยู่อย่างนั้น จะร้องก็ร้องไม่ออก นี่เธอกำลังจะถูกข่มขืนเหรอเนี่ย!
.”ฮัลโหลๆ อ่า..ขอแจ้งเหตุหน่อยครับ เกิดการพยายามข่มขืนกันอยู่ในซอยแถวๆ มหาวิทยาลัยก. ครับ อ่าใช่ครับ ซอยนั้นแหละครับ อ้อ รีบมาหน่อยนะครับ พอดีว่าค่อนข้างฉุกเฉินนิดนึง”
มีเสียงหนึ่งดังขึ้นราวกับเสียงสวรรค์ ทำให้ชายโฉดทั้งสามกับสาวผู้เคราะห์ร้ายอีกหนึ่งหันขวับไปพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ซึ่งคนที่ปรากฏในสายตาของคนทั้งสี่คือ
‘อีตาเพี้ยนนั่นมาทำอะไรที่นี่เนี่ย!?’
“เฮ้ย! แกเป็นใครวะ!!”อันธพาลคนหนึ่งพูดออกมาเสียงดัง
“ผมเหรอ อ่า....พลตำรวจเอกทองดี อยู่สุข ขอจับกุมพวกแกในข้อหาพยายามข่มขืน”ชินทำท่าจะหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า ซึ่งนั่นทำให้พวกอันธพาลหน้าเสียไปตามๆ กัน
“เฮ้ย! ซวยแล้ว”
“ล้อเล่นครับ”
ชินพูดออกมาหน้าตาย ทำให้พวกอันธพาลโกรธจัด ตะโกนออกมาอย่างหัวเสีย
“หาเรื่องกันรึไงวะ!!”ชายร่างใหญ่พุ่งเข้าใส่ชินด้วยโทสะ ซึ่งนั่นทำให้เขายิ้มออกมาอย่างสมเพช
ชายหนุ่มปัดหมัดที่ปล่อยออกมาไปด้านข้าง ก่อนจะใส่เข่าเข้าที่ท้องชายร่างใหญ่อย่างจัง ตบบ้องหูอีกหนึ่งครั้ง ก่อนจะซ้ำที่กล่องดวงใจอีกที และปิดท้ายด้วยการแทงศอกเข้าที่คางอย่างรุนแรงจนอันธพาลคนนั้นสลบไป
ในขณะที่ทุกคนกำลังตะลึงกับศิลปะการต่อสู้อันเหนือชั้นของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ชินก็ดึงร่างของคนที่สลบไปขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว แล้วขว้างใส่อันธพาลอีกสองคน
“คืนให้ แล้วก็ขอผู้หญิงคนนั้นคืนด้วยนะ”
“เหวอ!”อันธพาลอีกสองคนแบกร่างของเพื่อนวิ่งหนีไปด้วยความกลัว ปล่อยให้ดาวนั่งอยู่ที่พื้นอยู่คนเดียว
“...อ้าว หนีไปจริงๆ ด้วยแฮะ ป๊อดกว่าที่คิดนะเนี่ย”ชินเกาหัวแกรกๆ
“นายมาอยู่ที่นี่ได้ไง....”
“หมายความว่าไงครับ?”ชินหันไปพูดกับหญิงสาวอย่างสุภาพ
“ก็ช่วงนี้...ฉันเห็นนายมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ ตัวฉันตลอด แถมตั้งแต่วันที่ไปหานาย ฉันก็โชคร้ายขึ้นเรื่อยๆ หรือว่า...นายจะเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด”หญิงสาวโยงเรื่องเข้าหากันอย่างมั่วซั่ว เพราะความลนลานที่อยู่ภายในจิตใจ
“เอ๋! ผมเนี่ยนะ ไม่ใช่แล้วครับ ผมกับคุณน่ะตอนนี้เป็นคู่ค้ากันอยู่ เพราะงั้นผมก็ต้องปกป้องลูกค้าผมสีครับ!”
“คู่ค้าบ้าอะไรล่ะอีตาเพี้ยน! หรือว่านายจะมาเก็บเงินค่าเครื่องดักฝันอะไรนั่นจริงๆ ขอบอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่ได้เอามันมาด้วย ฉันทิ้งมันไว้ที่สำนักงานของนายนั่นแหละ!”ดาวพูดออกมาอย่างหัวเสีย
“แน่ใจแล้วเหรอครับ คุณเปิดดูกระเป๋าตัวเองรึยัง?”
“เอ๋?”หญิงสาวอุทานออกมา ด้วยความสงสัย เธอจึงเปิดกระเป๋าออกมาดู เธอก็เห็นว่ามันยังอยู่ในนั้น เครื่องดักฝันที่อีตาเพี้ยนนี่ให้มา
“นาย...เอามาใส่กระเป๋าฉันไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“ผมไม่ได้เอาไปใส่นะครับ มันอยู่ในนั้นมาตั้งแต่แรกแล้ว ของที่เป็นของๆ คุณ มันก็ต้องอยู่กับคุณสิครับ”ชินหัวเราะเบาๆ
“แล้วมันจะมาอยู่ในกระเป๋าฉันได้ยังไง! ก็ฉันจำได้ว่าฉันไม่ได้เอามันมาด้วยนี่นา!”
ชินถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วก็พูดกับดาวด้วยสีหน้าจริงจัง”คุณละอองดาวครับ ผมมีความรู้สึกว่าวันนี้คุณจะเจอกับโชคร้ายที่สุดของคุณในช่วงกลางคืนของวันนี้ ยังไงก็ขอให้ระวังตัวไว้ด้วยนะครับ”
“จะ...จะมาเพ้ออะไรของนายอีกล่ะอีตาเพี้ยน จะบอกว่าไอ้ไดซงไดแซสอะไรนั่นของนายจะมากินฉันรึไง?”ดาวพูดโต้ตอบกลับไป ถึงเธอจะรู้สึกได้ว่าคนตรงหน้าจริงจังมาก แต่เธอก็ยังไม่เชื่อใจหมอนี่อยู่ดี
“ความจริงแล้ว ถึงผมจะเตือนคุณไปมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาอยู่ดี เพราะงั้น กลับบ้านดีๆ นะครับ”ชินกลับมายิ้มอีกครั้ง เขายื่นมือไปฉุดให้หญิงสาวลุกขึ้น แล้วหญิบกระเป๋าให้ราวกับเป็นสุภาพบุรุษ”แล้วก็ผมชื่อ ชิน นะครับ ไม่ใช่อีตาเพี้ยน”
“ถึงนายไม่บอกฉันก็จะรีบกลับอยู่แล้วล่ะย่ะ ว้าย! ตายแล้ว สายขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย”ดาวต้องตกใจอีกครั้งเมื่อดูนาฬิกาข้อมือของตัวเอง นั่นทำให้เธอวิ่งออกไปอีกครั้ง
“…….”ชินยืนเงียบอยู่คนเดียวในซอยเปลี่ยวนั้น เขาหยิบเหรียญออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วดีดมันขึ้นไป
หมับ!
“หัว”
ออกก้อย....
“คืนนี้แล้วสีนะ....”
------------------------------------------------------------
ตกดึกวันนั้น
ในห้องนอน ในบ้านของละอองดาว
“เฮ้อ....ดึกขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย นอนดีกว่าเรา”ดาวหันไปมองนาฬิกา ตอนนี้ก็ห้าทุ่มเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว
‘คุณละอองดาวครับ ผมมีความรู้สึกว่าวันนี้คุณจะเจอกับโชคร้ายที่สุดของคุณในช่วงกลางคืนของวันนี้ ยังไงก็ขอให้ระวังตัวไว้ด้วยนะครับ’
อยู่ดีๆ เสียงคนอีตาเพี้ยนคนนั้นก็ดังขึ้นมาในหัวของเธอ ซึ่งทำให้เธอหัวเสียไม่น้อย
“ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย นี่ก็จะข้ามวันอยู่แล้ว ฉันก็ยังไม่เห็นจะซวยมากไปกว่าเดิมเลยซักนิด”ดาวพูดอย่างยิ้มๆ กับตัวเอง แล้วก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มๆ ของเธอ
ครืนนนนน
ทันใดนั้น เธอก็ได้ยินเสียงเครื่องจักรขนาดใหญ่กำลังทำงาน ซึ่งเธอรู้สึกไม่ค่อยแปลกใจอะไร เพราะข้างบ้านเธอกำลังมีการทุบอพาร์ทเม้นท์เก่าที่ไม่มีคนอยู่แล้วทิ้ง
“มาทำงานอะไรกันดึกๆ นะ ไม่รู้จักหลับจักนอนบ้าง”ดาวบ่นออกมา
ครืนนนนนนนนน
เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองรึเปล่า แต่เหมือนเสียงนั้นมันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ครืนนนนนนนนนนนนนนนนน
เสียงครั้งนี้ดังจนเธอไม่คิดว่าจะนอนได้ ดาวกะว่าจะลุกออกไปดูซักหน่อยว่าเขาทำอะไรกันนักหนา แต่คำตอบมันกลับมาอยู่ใกล้กว่าที่คิด เพราะตอนนี้ ลุกตุ้มที่ใช้ทุบตึกมันกำลังพุ่งเข้าใส่ห้องของเธออย่างรวดเร็ว
“กรี๊ดดดดดดด!!!!!”
ตูม!!! เพล้ง!!!!
เสียงของความวินาศสันตะโรดังขึ้นอย่างรุนแรง ทั้งกระจก ทั้งเศษผนังปลิวว่อนไปทั่วห้องจนเละไปหมด
ดาวคิดว่ายังไงเธอก็คงไม่รอดแน่ เธอหลับตาปี๋เอาแขนขึ้นบังถึงแม้มันไม่น่าจะช่วยอะไรก็ตาม แต่เวลาผ่านไปได้ซักพัก เธอก็ยังไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ เธอจึงลืมตาขึ้น
“ชิน!!”
ภาพที่อยู่ตรงหน้าเป็นเรื่องที่น่าตกใจเป็นอย่างมาก เพราะชายหนุ่มที่เธอคิดว่าโรคจิต วันนี้กลับมาช่วยเธอเป็นครั้งที่สองแล้ว ตอนนี้เขาเอาตัวเขาทั้งตัวหยุดลูกตุ้มเหล็กนั้นไว้อย่างไม่น่าเป็นไปได้
ชินปล่อยให้ลูกตุ้มยักษ์นั่นลอยกลับไป แล้วหันหลังกลับมา เผยให้เห็นร่างกายที่โชกเลือด มีบาดแผลที่เกิดจากการกระแทกอยู่ทั่วตัว
ชายหนุ่มมองไปรอบๆ ห้องราวกับหาอะไรบางอย่างอยู่ ก่อนจะหันมาถามดาวด้วยความยากลำบาก“เครื่อง...เครื่องดักฝันอยู่ที่ไหนครับ!!”
“เดี๋ยวๆ นายไม่เป็นอะไรเหรอ บาดเจ็บขนาดนั้น นายน่าจะไป...”หญิงสาวพูดอย่างร้อนรน
“เอามาเร็วเข้า!!! ไม่มีเวลาแล้ว!!!”ชินตะโกนเสียงดังจนดาวสะท้าน ไปทั้งตัว
“เอ๋!? มันน่าจะอยู่ในกระเป๋า....”ดาวรีบหยิบกระเป๋าที่วางไว้ข้างหัวเตียงขึ้นมา แล้วรีบควานหาเครื่องดักฝันอย่างเอาเป็นเอาตาย
“นี่! เอาไป!”ดาวรีบยื่นให้ชายหนุ่ม เขารับมาแล้วปาดเลือดตัวเองลงไป และดึงมือของดาวมาไว้ข้างๆ ตัว
“นายจะทำอะไรน่ะ?”หญิงสาวถามด้วยความตกใจ แต่ชินไม่ตอบ เขายังคงทำหน้าที่ของเขาต่อไป
ชินเอาเศษกระจกที่อยู่ตามพื้นขึ้นมากรีดข้อมือของดาวเป็นแผลเล็กๆ พอให้มีเลือดหยด แล้วชายหนุ่มก็รีบเอาเลือดนั้นปาดทับชื่อ’ละอองดาว’อย่างรวดเร็ว
“เอาละ เจ้าไดแซสเตอร์ที่หอมหวาน ถึงเวลามื้อค่ำแสนสุขแล้ว!!”ชินตะโกนออกมาด้วยรอยยิ้มแห่งความดีใจ
ทันใดนั้น ที่จุดศูนย์กลางของเครื่องดักฝันก็มีปฏิกิริยาอะไรบางอย่าง มันสร้างโดมขนาดใหญ่คลุมพื้นที่กว้างโดยรอบอย่างรวดเร็ว และเปลี่ยนสิ่งที่อยู่ในโดมกลายเป็นสีขาวดำจนหมด
“นี่มัน อะไรกันน่ะ”ในตอนนี้ดวงตาของดาวเต็มไปด้วยความสับสน เธอหันไปมองชินเป็นการร้องขอคำตอบ
“นี่เป็นมิติพิเศษ มีไว้จับไม่ให้พวกไดแซสเตอร์อย่างเจ้านั่นมันหนีไปได้น่ะครับ”ชินชี้นิ้วไปตรงหน้าของเขา เมื่อหญิงสาวมองตามไปก็พบกับสิ่งมีชีวิตรูปร่างอัปลักษณ์ยืนอยู่ตัวหนึ่ง
“สัตว์ประหลาด!!”ดาวกรีดร้องออกมาด้วยความกลัว
“ถ้าให้ถูกก็คือไดแซสเตอร์ หรือในอีกความหมายมันคือโชคร้ายของคุณยังไงล่ะครับ”ชินตอบอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว เขาสะบัดมือข้างหนึ่งจนเกิดเสียงแกร๊งขึ้นมา
“นี่มัน อะไรอีกเนี่ย!”ดาวถามอีกครั้ง โดยครั้งนี้เธอหมายถึงโซ่ที่พันรอบข้อมือของชินกับของเธอไว้อยู่
“อ๋อ นั่นคือหลักฐานของพันธะสัญญาระหว่างเราน่ะครับ ผมต้องทำสัญญาเลือดกับคุณในจังหวะที่ไดแซสเตอร์ปรากฏตัวเพื่อลากมันมามิตินี้ ไม่ต้องห่วงนะครับ โซ่นั่นยืดหดได้ ไม่เป็นปัญหากับการต่อสู้หรอก”
“สู้!? นี่นายจะสู้กับมันเหรอ ตัวประหลาดแบบนั้นเนี่ยนะ”
“ความจริงก็คือไปกินมันครับ เพราะอาหารที่ผมกินได้ มีเพียงไดแซสเตอร์เหล่านี้เท่านั้น”ชินพูดราวกับเป็นเรื่องปกติ
ก๊าซซซซซซซ
ดูเหมือนสัตว์ประหลาดตรงหน้าจะไม่ปล่อยให้พวกเข้าได้คุยกันนาน มันพุ่งเข้ามาโจมตีหนุ่มสาวทั้งสองอย่างรวดเร็ว
“ระวังครับ!!!”
“กรี๊ดดดด!!!”
ชินกระโดดเอาตัวเข้ารับเพื่อปกป้องลูกค้าของเขาอย่างสุดกำลัง ถึงแม้ว่าตัวเองยังสาหัสอยู่ขนาดนั้นก็ตาม
“วันนี้ผมช่วยคุณเป็นครั้งที่สามแล้วนะครับ....”ชินพูดออกมาช้าๆ พร้อมกับกระอักเลือด เขาเอาตัวยันไว้กับไดแซสเตอร์ตัวนี้ไม่ให้มันเข้าไปทำร้ายดาวได้อย่างสุดกำลัง
“ชิน! ทำไมนายต้องทำเพื่อฉันขนาดนี้ด้วย ทั้งๆ ที่นายปล่อยให้ฉันอยู่กับโชคร้ายของฉันต่อไปก็ได้แท้ๆ ....เรื่องนี้นายไม่ได้เกี่ยวด้วยเลยนะ!!!”หญิงสาวพูดออกมาทั้งน้ำตา ผู้ชายตรงหน้าทำเพื่อเธอขนาดนนี้ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกันมาก่อน
“….เพื่อคุณ!? เข้าใจอะไรผิดรึเปล่าครับ ผมไม่ได้ทำอะไรเพื่อคุณซักหน่อย เราสองคนน่ะเป็นแค่คู่ค้ากัน ที่ผมต้องมานั่งขจัดโชคร้ายให้คุณเนี่ยก็เพื่อผมจะได้กินมันก็เท่านั้นเอง!! คุณรู้มั๊ยว่าผมไม่ได้กินอะไรมาหลายวันมากแล้ว!! ถ้าเกิดคุณตายขึ้นมา ทุกอย่างก็ปิ๋วหมดน่ะเซ่!!!”ชินตะโกนกลับมาอย่างลืมตัว คำพูดที่เขาตอบกลับมาทำให้หญิงสาวชะงักไปเลย
“ไอ้นี่! ชักจะมากเกินไปแล้ว!! เป็นแค่มื้อค่ำแท้ๆ โว้ย!!!”ชินถีบสัตว์ประหลาดตรงหน้าให้ถอยกลับไปอย่างรุนแรง
แล้วเขาก็หยิบเศษเตียงที่อยู่ข้างๆ เท้าขึ้นมาตั้งท่าจะต่อสู้
“นายจะใช้ท่อนไม้นั่นสู้เหรอ ท่อนไม้แบบนั้นมันจะไปทำอะไรได้!?”
คำพูดนั้นทำให้ชินยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก แล้วเขาก็พูดว่า
“ทำได้ทุกอย่างแหละ”
วินาทีนั้น ดาวรู้สึกราวกับมีสายลมที่รุนแรงพัดไปรอบๆ โดยมีชินเป็นจุดศูนย์กลาง และในวินาทีต่อมา เขาก็พุ่งเข้าไปประชิดตัวไดแซสเตอร์ด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ ชินฟาดท่อนไม้ในมือใส่ตัวไดแซสเตอร์อย่างรุนแรงจนมันกระเด็นไปกระแทกกับกำแพงห้อง แล้วเขาก็พุ่งตามเข้าไปปิดฉากโดยการเอาท่อนไม้เสียบเข้าที่กลางลำตัวของมันจนทะลุปักคากำแพง
การต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็วจนหญิงสาวมองไม่ทัน และชินเองก็ทำสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นมาอีกครั้ง!
“ทานล่ะนะคร้าบ~”
หงับ!
ชินกัดเข้าที่ตัวไดแซสเตอร์อย่างไม่ลังเล ก่อนที่จะกินมันไปเรื่อยๆ อย่างเอร็ดอร่อย
“เอ่อ...นาย”ดาวเรียกชินอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ผมไม่แบ่งหรอกนะ ของแบบนี้มนุษย์ธรรมดากินไม่ได้หรอก”ชินตอบกลับมาโดยที่ยังไม่รามือจากอาหารที่ไม่ได้กินมานาน
“ก็...ไม่มีอะไรหรอก”ดาวไม่กล้าพูดออกไปตรงๆ ว่า ‘นายกล้ากินของแบบนั้นด้วยเหรอ น่าขยะแขยงจะตาย!’
หลังจากที่ชายหนุ่มจัดการกับอาหารอันโอชะของเขาเสร็จแล้ว เขาก็เดินกลับมาหาหญิงสาวอีกครั้ง
“เอ่อ..เป็นไงบ้าง อร่อยมั๊ย?”ดาวถามออกไปในสภาพเหงื่อตก
“ก็ดีนะ เป็นรสชาติที่ไม่ได้ลิ้มรสมานานแล้ว ว่าด้วยระดับของไดแซสเตอร์เนี่ย คุณเองซวยใช้ได้นะครับที่มีตัวแบบนี้มาเกาะน่ะ”ชินพูดไปพลางเลียนิ้วไปพลาง
“เดี๋ยว! แล้วแผลของนายล่ะ! ต้องไปรพ.มั๊ย”ดาวตะโกนออกมาเสียงดัง
ชินชะงักไปเล็กน้อย เขาเช็ดเลือดออกจากตัวแล้วเปิดเสื้อให้ดู”แค่ได้กินเจ้านั่นก็หายหมดแล้วครับ”
นั่นทำให้หญิงสาวถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วก็เงยหน้าขึ้นมาถาม
“แล้ว...ฉันจะเป็นยังไงต่อ”
“อืม...ผมก็ต้องลบความทรงจำของคุณออกส่วนนึงล่ะครับ”
“เอ๊!!?”ดาวอุทานออกมา
“ก็ คงให้มนุษย์ทั่วไปรู้เรื่องนี้ไม่ได้หรอกครับ โซ่สัญญานี่ก็มีคุณสมบัติแบบนั้นด้วย มันจะลบความเกี่ยวข้องของเราสองคนออกไปจนหมด”
“แล้ว...เรื่องค่าจ้างล่ะ”ดาวถามออกไปด้วยความจริงใจ เพราะเธออยากตอบแทนผู้ชายคนนี้ในเวลาที่ยังทำได้
“เรื่องนั้น...ผมได้รับมาแล้วครับ”ชินพูดด้วยรอยยิ้มแล้วเลียรอบริมฝีปากอีกครั้งอย่างเจ้าเล่ห์
“ถ้าอย่างนั้น ขอให้โชคดีนะครับ”ชินพูดกล่าวลาด้วยรอยยิ้มอันเป็นเครื่องหมายการค้าของเขา
“….นายเองก็เหมือนกัน”ดาวตอบกลับด้วยน้ำตา
“แหม อย่าร้องไห้สิครับ ยังไงคุณก็จะลืมผมแล้ว ไม่เห็นต้องร้องไห้ให้เสียแรงเลย”
“เพราะแบบนั้นแหละ....ฉันถึงได้ร้องไห้น่ะ”ดาวยกมือขึ้นปาดน้ำตา ทำให้ชินถอนหายใจมองด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเอามือลูบหัวหญิงสาวตรงหน้าด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
“ถ้างั้นก็ขอให้เราได้เจอกัน โดยไม่ใช่ฐานะคู่ค้าก็แล้วกันนะครับ”
“อื้ม!”
แสงสีขาวสว่างวาบขึ้นมาอย่างเจิดจ้า เปลี่ยนให้โลกสีขาวดำกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง และยังทำให้สติของนางสาวละอองดาววูบไปอีกด้วย
หญิงสาวฟื้นขึ้นมาอีกครั้งที่โรงพยาบาล ด้วยความที่สติของเธอยังไม่คงที่ เธอจึงจำอะไรได้ไม่ชัดเจนนัก แต่เพื่อนๆ ของเธอบอกว่าบ้านของเธอถูกลูกตุ้มทุบพังด้วยอุบัติเหตุ ส่วนเธอก็รอดมาได้โดยแทบไม่มีบาดแผลราวกับปาฏิหาริย์ คุณหมอก็บอกว่าเธอควรนอนพักที่นี่ก่อนซักวันเพื่อให้สติคงที่ก่อน เพื่อนๆ ของเธอก็มาเยี่ยมด้วยความเป็นห่วงกันแทบทั้งวัน
เพื่อนคนสุดท้ายของเธอกลับไปแล้ว หญิงสาวล้มตัวลงนอนบนเตียงของโรงพยาบาล แต่นอนลงไปได้ไม่นานก็มีคนเข้ามาอีก ตอนแรกเธอก็คิดว่าคงเป็นนางพยาบาลเข้ามาตรวจอาการ แต่พอเธอหันหน้าไปมองกลับไม่ใช่อย่างที่คิด
คนที่เข้ามาเป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งอายุพอๆ กับเธอ ใบหน้าที่ดูดี ผมสีดำสนิทยาวระต้นคอเข้าคู่กับดวงตาสีเดียวกัน และสุดท้าย แววขี้เล่นที่อยู่ในดวงตานั้นทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด แต่นึกยังไงเธอก็นึกไม่ออกว่าเคยไปเจอกันอยู่ที่ไหน
“เรา...เคยเจอกันที่ไหนรึเปล่าคะ?”ดาวถามออกไป
“ผมคิดว่าไม่เคยหรอกครับคุณละอองดาว แต่ผมเป็นเพื่อนบ้านของคุณ พอดีเห็นว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้น ก็เลยมาเยี่ยมน่ะครับ”ชายหนุ่มตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ผมวางของเยี่ยมไว้ตรงนี้นะครับ”ชายหนุ่มวางกระเช้าเยี่ยมคนป่วยไว้ที่โต๊ะในห้อง โดยที่บนโต๊ะนั่นก็มีของเยี่ยมวางอยู่เต็มไปหมด”ถ้าอย่างนั้น ขอให้โชคดีนะครับ”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ!”ดาวรั้งตัวชายหนุ่มตรงหน้าไว้ไม่ให้เขาไป ประโยคหลังที่เขาพูดมันช่างคุ้นหูเธอเหลือเกิน แต่มันก็น่าเศร้าที่ไม่ว่ายังไงเธอก็นึกไม่ออกซักที
“…ไม่มีอะไรค่ะ”สุดท้ายหญิงสาวก็ตัดสินใจที่จะไม่ถาม ชายหนุ่มเองก็ยิ้มรับและออกไปจากห้องอย่างเงียบๆ
ชินกลับมาที่สำนักงานของเขาอีกครั้ง ทันทีที่กลับมาถึง เขาตรงไปยังเก้าอี้ประจำตัวของเขาทันที จนถึงตอนนี้ไฟฟ้าก็ยังไม่มา เพราะเขาก็ยังไม่มีเงินไปจ่ายค่าไฟอีกเช่นเคย แค่ตอนนี้อิ่มท้องเท่านั้นก็พอแล้ว
ชายหนุ่มยกขาขึ้นพาดโต๊ะ แล้วหยิบเหรียญประจำตัวขึ้นมาตั้งท่าดีดอีกครั้ง “ก้อย”
กิ๊ง!
หมับ!
กริ๊งงงงงง!!
“ช่วงนี้ดวงขึ้นแฮะ”ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปาก แล้วเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์แล้วกรอกเสียงสุภาพลงไปทันที
“ครับผม บริษัท[ขจัดโชคร้าย]ยินดีให้บริการครับ”
RE: [ Disast - Eater ] ผู้กลืนกินความหายนะ - Kuntana - 05-15-2013
สนุกดีครับ .. ถือเป็นเรื่องสั้นที่มีความสมบูรณ์สูง ครับ อ่านเพลินดี
RE: [ Disast - Eater ] ผู้กลืนกินความหายนะ - Kuma - 05-16-2013
อ่านเพลินม้วนเดียวจบไม่รู้ตัว คำผิดรู้สึกว่าจะไม่มีเลยมั้ง คงตรวจทานมาดี สมบูรณ์มาก ดูเป็นมืออาชีพ
(กระโดดเอาโซ่ผูกขาoRaMeNoไว้ก่อนที่จะลอยออกอวกาศ)
สำหรับพวกนิยายแล้วถ้าเรื่องไหนไม่สนุกผมจะไม่มีความอดทนที่จะอ่านมันต่อ ถึงจะบอกว่ายาวเถอะแต่ความสนุกมันทำให้ดูสั้นลงไปเยอะเลยล่ะ
สรุปให้5ดาวเลยละกัน(ม่ะใช่ไก่ย่างนะ)
RE: [ Disast - Eater ] ผู้กลืนกินความหายนะ - Nazuth - 05-16-2013
ถิอว่าสนุกเลยนะปกติถ้าจัดหน้ายากๆยาวๆผมจะลองอ่านสักสี่ห้าบรรทัดถ้าไม่สนุกก็เลิกอ่านแต่เรื่องนี้อ่านได้จนจบ
เป็นเรื่องสั้นที่สมบูรณ์ดีทีเดียวละ
RE: [ Disast - Eater ] ผู้กลืนกินความหายนะ - Mary - 05-16-2013
อ่านเเล้วเพลินดีนะคะ คำผิดก็ไม่มีเลยด้วย สุดยอดจริงๆค่ะ
RE: [ Disast - Eater ] ผู้กลืนกินความหายนะ - KonRaiNamJai - 05-16-2013
เรียบเรียงได้ดีเลยละครับ สนุกดีอ่านยาวรวดเดียวจบเลย
|