ระบบจีบเนี่ย ของฝรั่งมักไม่จำกัดเพศแล้วครับ หญิงจีบหญิงหรือชายจีบชาย ธรรมดา

แต่ของญี่ปุ่นเองก็มีไม่จำกัดเพศเหมือนกันแล้วนะ คือ Dragon's Dogma ของ Capcom ซึ่งชั่วร้ายมาก เพราะค่าความชอบของเกมมันขึ้นอยู่กับว่าเราคุยกับตัวละครบ่อยแค่ไหน...เลยมีคนที่ตั้งใจจีบราชินีแต่ดันลงเอยกับตัวตลกหนวดเฟิ้ม(เพราะเสียงพากย์มันตลกดี)ไปไม่น้อย

ส่วนตัว ระบบที่อยากเห็นคือสิ่งที่เราทำลงไปมันมีผลกับโลกของเกมจริงๆแบบชัดๆน่ะครับ (บอกก่อนว่ายิ่งคิดมากยิ่งยากนะ)

ตัวอย่าง ถ้าเรารับเควสต์จากพ่อค้าไปฆ่าสัตว์ประหลาดในหมู่บ้านแห่งหนึ่งใกล้ๆ แต่ถ้าเราหาข้อมูลดีๆจะรู้ว่าสัตว์ประหลาดนั้นเป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ของหมู่บ้านนั้น ถ้าเราทำเควสต์เสร็จ ผ่านไปไม่นานหมู่บ้านก็จะเริ่มเสื่อมโทรมเพราะเพาะปลูกยากขึ้น คนว่าจ้างเราทำเควสต์ก็เริ่มเข้ามาค้าขายได้ทำให้คนเมืองตามเข้ามา แต่ถ้าเราไม่ทำเควสต์หมู่บ้านก็จะอยู่กันแบบป่าๆต่อไปแบบนั้น

ถ้าเอาแต่เควสต์หลักก็ไม่เท่าไหร่ เพราะมันออกแน่นอนอยู่แล้ว แต่ถ้ารวมเควสต์ย่อยไปแล้วล่ะก็ บอกเลยว่าความรู้สึกจะอลังการมาก ยิ่งถ้าเวลาในเกมคลุมเป็นชั่วอายุคนแล้วล่ะก็ยิ่งน่าตะลึงเข้าไปอีก (จากตัวอย่างข้างต้น พอถึงตัวเอกรุ่นที่สอง ถ้าเราทำเควสต์เสร็จ หมู่บ้านจะกลายเป็นเมืองย่อมๆไปเลย ชาวพื้นเมืองก็เหลือไม่กี่คน แต่ถ้าเราไม่ทำหมู่บ้านจะอยู่แบบเดิม มีเนื้อเรื่องย่อยที่ชาวบ้านกำลังต่อสู้กับชาวเมืองที่พยายามรุกล้ำเข้ามา บลาๆๆ)

ไอ้ระบบเควสที่ท่านลูว่านี่ต้องนั่งวางเนื้อเรื่องกับวางระบบเป็นเควสๆเลยนะ

ระบบ Camping สร้างบรรยากาศ
ปล.เดี๋ยวมาต่อ

ต่อยอดจากอันที่แล้ว ระบบทายาทครับ คือแทนที่จะจบเรื่องในการผจญภัยของตัวเอกคนเดียวก็แบ่งออกเป็นสองหรือสามยุคตามชั่วคนไป (ง่ายๆคือพระเอกรุ่นแรกอาจจะจบเรื่องตรงที่ปราบจอมมาร พระเอกรุ่นที่สองซึ่งเป็นลูกของรุ่นที่หนึ่งก็อาจไปผจญภัยในเรื่องที่เหมือนจะไม่เกี่ยวกันเลย)

ข้อดีของระบบคือผู้เล่นจะเห็นได้กับตาเลยว่าสิ่งที่เราทำลงไปนั้นมีผลกระทบกับโลกในเกมขนาดไหน (เรื่องบางอย่างมันไม่เห็นกันชัดๆทันทีอยู่แล้ว) แถมเอาไว้แบ่งเนื้อเรื่องย่อยให้เล่นกันได้หลายๆรอบด้วย

สังเกตว่าตัวระบบเองมันเป็นแค่กลไกการเล่าเรื่องนะ แต่มันช่วยสนับสนุนระบบอื่นๆได้มาก

ถ้าใช้กับระบบจีบสาวด้วยก็จะมีผลกับตัวเอกที่ได้รุ่นที่สอง ประมาณว่าตอนจบบทแรก ถ้าเลือกแต่งกับเพื่อนนักดาบที่ช่วยสู้กันมาแต่แรก พระเอกรุ่นที่สองก็อาจจะเป็นทหารรับจ้างระดับโคตรเทพเพราะสืบฝีมือมาจากพ่อและแม่ แต่ถ้าเลือกแต่งกับองค์หญิงแบ๊วใสซื่อ พระเอกรุ่นที่สองก็เป็นพวกฝีมือปานกลาง แต่เป็นเจ้าชายเลยหล่อ รวย เข้าสังคมเก่ง อะไรทำนองนั้น นั่นคือไม่ใช่แค่จีบติดแล้วจบ เห็นกันเลยว่าได้ผลออกมายังไง

หรือถ้าใส่ระบบความสัมพันธ์กับองค์กรในเกม สมมุติว่าตอนบทแรกตัวเอกไปเจอแม่มดกลุ่มเล็กๆที่แอบประกอบพิธีในป่าแห่งหนึ่งแล้วเราสามารถทำเควสต์ช่วยเหลือได้ ในช่วงบทแรกค่าความสัมพันธ์กับกลุ่มแม่มดก็จะมีผลดีเฉพาะหน้า (ซื้อไอเทมได้ มีนางเอกที่เป็นหนึ่งในแม่มดให้จีบ+เอาเข้าปาร์ตี้ได้ พอความสัมพันธ์ดีขึ้นก็จะได้ลดราคา มีของซื้อได้มากขึ้น เริ่มเรียนสกิลได้ ฯลฯ) ตัวละครในเมืองข้างๆก็อาจจะเริ่มพูดถึงกลุ่มแม่มดมากขึ้นตามที่เราช่วยเหลือ (จากที่ไม่มีใครรู้จักก็จะเริ่มมีเสียงร่ำลือ พอดังพอสมควรก็จะมีคนกลัว พอความสัมพันธ์เต็มก็จะกลายเป็นสิ่งที่คนในเมืองเห็นเป็นสิ่งดีๆไป อาจมีNPCเด็กหญิงบอกว่าโตขึ้นจะเป็นแม่มด ฯลฯ)

แต่ถ้าเราใส่ตัวเอกรุ่นที่สอง ผ่านไปสิบกว่าปี คราวนี้เราจะเอาตรงนั้นมาเล่นได้อีกเยอะเลย สมมุติว่าเราใส่เรื่องในยุคที่สองให้มีธีมหลักเป็นมีจักรวรรดิที่ไล่กวาดล้างเวทมนตร์ เวลาเรากลับไปที่ที่พวกแม่มดอยู่กันในยุคตัวเอกรุ่นแรกแล้ว...
* ถ้าค่าความสัมพันธ์ต่ำ จะเจอว่าพอเริ่มมีการกวาดล้างเวทมนตร์พวกนี้ก็แยกตัวกันไปเฉยๆ (เพราะไม่ดัง พอท่าทางไม่ดีเลยเลิกกันไปได้ง่ายๆ)
* ค่าความสัมพันธ์ปานกลาง-สูง จะเจอว่าถูกฆ่าเหี้ยนแล้ว
* ค่าความสัมพันธ์เต็ม จะเจอว่าเพราะตัวเอกรุ่นแรกทำให้กลุ่มแม่มดเข้มแข็งแถมได้รับการสนับสนุนจากชาวเมือง มาถึงตอนนี้เลยยังอยู่กันดีแม้จะต้องรับมือกองทัพที่จะเข้ามากวาดล้างบ่อยๆ

เป็นต้น

ข้อเสีย แน่นอนว่าคนทำยิ่งงานมาก (คิดว่าสองรุ่นก็ได้ประโยชน์แล้วนะครับ ถ้าทำรุ่นสามซึ่งเราอาจจะเริ่มเบื่อหรือตันซะแล้ว รุ่นสามอาจจะจืดกว่าสองรุ่นแรกไปเลย)

^ ระบบทายาทนี่ Agarest: Generation of war ป่ะครับ เริ่มรุ่นพ่อ จบรุ่นลูก (กดในสตีมมาดอง ยังเล่นไม่ถึงรุ่นสอง)

ผมชอบให้custom สกิลหรือสเตตัสตัวละครได้อย่างอิสระ ให้เข้ากับสไตล์ตัวเอง

(03-15-2015, 05:06 PM)Alphaforce Wrote: ^ ระบบทายาทนี่ Agarest: Generation of war ป่ะครับ เริ่มรุ่นพ่อ จบรุ่นลูก (กดในสตีมมาดอง ยังเล่นไม่ถึงรุ่นสอง)

ไอเดียมาจาก Dragon Valor (PS1)น่ะครับ ซึ่งเป็นแนว Action และเว้าซื่อๆเลยว่าเกมใช้ระบบนี้ได้ไม่คุ้มเลย (ตัวเอกมีสี่รุ่น แต่ทุกรุ่นมีรูปแบบการเล่นเหมือนกันหมด ส่วนเนื้อเรื่องกับฉาก รุ่นสองกับสามก็แตกต่างกันชัดเจนดีอยู่ พอรุ่นสุดท้ายดันเหมือนกันหมด ต่างกันแต่ตัวละคร) ได้ยินว่า Phantasy Star 3 ก็ใช้ระบบนี้นะ แต่ผมไม่ได้เล่น

1. ระบบจีบสาว: แบบที่เพิ่มระดับความสัมพันธ์ในเนื้อเรื่องเพื่อแยกเกมให้มีฉาคจบหลายๆแบบ
2. ระบบ World map: เกม RPG เดี่ยวนี้ไม่ค่อยมีการการเดินสำรวจโลกแบบเกมเก่าๆ อยากให้มีจะได้เดินสำรวจแล้วเข้าถึงโลกในเกมได้ดีขึ้น
3. ระบบ Class ตายตัวสำหรับตัวละคร แบบที่ใช้ใน FFIV หรือ FFIX: ถึงแม้ว่าผู้เล่นจะไม่สามารถสร้างตัวละครในแบบตนเองได้ แต่ตัวละครแต่ละตัวจะมีลักษณะหรือเอกลักษณ์ที่ชัดเจนขึ้น และคนเล่นจำเป็นต้องปรับใช้ตัวละครทุกตัว