shogun 06-25-2014, 08:49 PM
วันนี้ว่างสุดๆหลังจากปลดเปลื้องภาระทุกอย่างออกไป ก็เลยเอานิยายที่แต่งเล่นๆมาลงให้ทุกท่านอ่านดีกว่า เป็นเรื่องราวรักใสๆที่ป้ายรถเมล์ เชิญติดตามชมครับ

ปล.นิยายเรื่องนี้อาจจะยาวสักหน่อย กรุณาหาของกินไปด้วยอ่านไปด้วย ระวังหิวตาย

[color=#000000]ในวันที่ฝนตกหนักที่สุดในรอบเดือน มันดันตกในเวลาที่ผมเพิ่งเลิกเรียนและไม่ได้พกร่มมาด้วย ทำให้ผมต้องวิ่งสุดแรงเพื่อหลบฝน ระหว่างทางที่ผมวิ่งนั้นดันเป็นทางโล่งที่ไม่มีที่ร่มไว้ใช้หลบฝนได้เลย ในขณะที่หยาดฝนตกลงมากระทบตัวผมเรื่อยๆ สายตาของผมพลันก็เห็นสิ่งหนึ่งเข้า
สะพานลอย
“ในที่สุดก็มีที่หลบสักที”ผมบ่นออกมาก่อนตรงไปหลบฝนที่ใต้สะพานลอยแห่งนั้น ก่อนที่สายตาจะไปสังเกตรอบๆเพื่อดูว่าตนเองอยู่ที่ไหน
สะพานลอยแห่งนี้อีกฟากหนึ่งอยู่ติดกับป้ายรถเมล์ป้ายหนึ่งที่มีศาลาที่นั่งรอรถ แถมนี้เต็มไปด้วยกำแพงที่รายล้อมอาคารต่างๆไว้ สายตาของผมไปสะดุดกับสิ่งหนึ่งเข้า
ผู้หญิง เธอยืนอยู่คนเดียวที่ป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามกับผม เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก ผมยาวถูกรวบมัดที่ส่วนปลายของผมสีดำก่อนเอามันมาไว้ข้างหน้า เธอสวมเสื้อนักเรียนของโรงเรียนหนึ่ง ซึ่งผมจำได้ว่าเป็นโรงเรียนดังแถวๆนี้ น่าแปลกที่เธออยู่ในที่ที่มีหลังคาบังอย่างป้ายรถเมล์อยู่แล้ว ยังจะเอาร่มมากางไว้อีก เป็นร่มสีดำทำให้เธอคนนั้นดูลึกลับน่าค้นหาขึ้นมาก แววตาของเธอจ้องมองมาที่ผมด้วยความรู้สึกที่ผมยากจะบอกถูก
ในขณะที่ผมกำลังตกอยู่ในภวังค์ สายฝนที่ตกลงมาก็หยุดลง ผมได้สติกลับมาก่อนมองไปบนฟ้า เมื่อไม่มีฝนตกแล้วก็เปิดโอกาสให้ผมวิ่งกลับบ้านไปได้ ก่อนที่จะวิ่งออกจากที่ตรงนี้ผมหันกลับไปมองที่ป้ายรถเมล์อีกครั้ง ผู้หญิงคนนั้นก็หายไปแล้ว
ลืมแนะนำตัวไป ผมชื่อ อัครวัฒน์ วรกุลพิทักษ์ นักเรียนของโรงเรียนประจำจังหวัดแห่งหนึ่ง เป็นนักเรียนชั้น ม.4 ผมย้ายมาตามพ่อที่เป็นข้าราชการทำให้ไม่ค่อยสนิทกับใครมากนักในโรงเรียน แต่ผมก็ยังมีไอ้โต้ง และไอ้กฎที่ยังพอคบเป็นเพื่อนได้ บ้านผมอยู่ใกล้โรงเรียนเลยทำให้ผมต้องเดินเท้ากลับบ้านเอง ผมไม่ค่อยรู้เรื่องแถวนี้ดีสักเท่าไหร่ทำให้อาจหลงทางได้ง่าย อย่างคราวนี้ที่ผมเผลอหาทางหลบฝนจนโผล่มาที่ตรงนั้นได้
วันนี้ผมกลับบ้านช้านิดหน่อยเพราะติดฝน พอกลับมาถึงก็เจอเขามาถามหาว่าทำไมถึงกลับบ้านช้า ก็ตอบไปว่าหลบฝนอยู่ ก่อนมองเวลาด้วยความแปลกใจเพราะผมกลับมาในเวลาหกโมงเย็น ทั้งๆที่บ้านอยู่ใกล้โรงเรียน สงสัยฝนจะตกนาน
“นี่ไอ้วัฒน์ การบ้านคณิตเอ็งเสร็จยัง มาให้ลอกหน่อย”ไอ้โต้ง เพื่อนของผมพูดขึ้นในตอนเช้าของวันต่อมา ทำให้ผมต้องทำหน้าเหนื่อยใจนิดหนึ่งก่อนหยิบการบ้านให้มันไป เมื่อวานหลังจากกลับบ้านก็รีบเอาของออกจากกระเป๋ามาตากให้แห้ง และเอาการบ้านเลขมาทำให้เสร็จโดยเร็ว จากนั้นก็เข้าไปเล่นเฟสบุ๊คอีกสองชั่วโมง พ่อก็ไล่ให้ผมเข้าไปนอน
ช่วงเวลาที่ผมนอน ผมรู้สึกประหลาดใจมากที่นึกถึงผู้หญิงที่ถือร่มเมื่อตอนนั้นไม่หายมันเป็นความรู้สึกแปลกๆที่บอกไม่ถูกนัก
หลังจากเรียนเสร็จไปหนึ่งวัน เหล่าเพื่อนในห้องยังไม่ยอมกลับ เพราะกำลังเล่าเรื่องผีไปมาอย่างสนุกสนาน โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยชอบเรื่องแบบนี้สักเท่าไหร่จึงขอตัวกลับบ้านก่อน เมื่อผมเดินออกจากโรงเรียน หยาดฝนก็โปรยลงมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมไม่ประมาทเหมือนเมื่อหยิบร่มออกมากางก่อนเดินออกไป
ผมเดินไปตามทางรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่ามาอยู่ที่ป้ายรถเมล์นี้อีกครั้ง และที่นั้นมีผู้หญิงคนนั้นอยู่ด้วย
‘ผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว’ผมคิดในใจ รู้สึกแปลกใจที่เห็นผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่เดิมและยังกางร่มไว้ทั้งๆที่อยู่ใต้หลังคาป้ายรถเมล์อยู่แล้ว
“อ๊ะ”ระหว่างที่ผมกำลังคิดก็เกิดกระแสลมกรรโชกอย่างแรงพัดร่มของผมจนหลุดออกจากในมือ ร่มถูกกระแสลมพัดไปทางผู้หญิงคนนั้น ก่อนหยุดลงที่ข้างเท้าของเธอ
“ขอโทษน่ะครับ จับร่มให้หน่อย”ผมรีบบอกอย่างนั้นไป เพราะกลัวลมจะพัดมาอีก เดี๋ยวร่มจะปลิวไปจนเก็บไม่ได้
ผู้หญิงคนนั้นก้มลงเก็บร่มให้ผมโดยดี ก่อนยื่นร่มให้แก่ผม
“นี่ ร่มของนาย”ผู้หญิงคนนี้พูดขึ้น ผมก็รับมันโดยดีก่อนจ้องสังเกตเธอคนนั้น
เธอคนนั้นเป็นผู้หญิงผมยาวที่มัดหางม้าเอาไว้ก่อนปัดเปียผมมาไว้ดานหน้า ใบหน้าขาวอมชมพูดูสง่าสวยงาม กับแววตาสีดำราวกับท้องฟ้าในคืนเดือนดับสะกดให้ผมจ้องมองเธออย่างละสายตาไม่ได้
“หน้าฉันมีอะไรหรอค่ะ”หญิงสาวคนนี้พูดขึ้น ทำให้ผมกลับมามีสติอีกครั้งหนึ่งก่อนรู้สึกอายๆที่ไปจ้องหน้าคนแปลกหน้าขนาดนั้น
“เปล่าครับ แต่ขอบคุณน่ะครับที่เก็บร่มของผมให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ”หญิงสาวตอบรับตามมารยาท จากนั้นก็นิ่งเงียบไป
ผมเกิดอาการทำอะไรไม่ถูกไม่รู้จะชวนคุยอะไรดี เพราะผมต้องรอนั่งรถเมล์ไปทำธุระที่อื่นซะด้วย แต่ที่ป้ายรถเมล์มีเพียงแค่ผมกับผู้หญิงคนนี้ แค่สองต่อสองเท่านั้น
“จะว่าไปคุณมาขึ้นรถเมล์ที่ป้ายนี้ตลอดเลยหรอครับ”ผมตัดสินใจรวบรวมความกล้าเอ่ยถามออกไป หญิงสาวอึ้งเล็กน้อยที่จู่ๆมีคนพูดออกมาหลังจากเงียบมานาน ก่อนรู้ตัวว่าผมกำลังคุยกับเธอก็ตอบออกไปทันที
“ใช่ค่ะ ฉันเรียนอยู่มัธยมปลายเอกชนแถวๆนี้ ป้ายนี้เป็นป้ายที่ใกล้โรงเรียนมากที่สุด”คำตอบของเธอ ทำให้ผมต้องสำรวจเธอใหม่ พบว่าเธอใส่เครื่องแบบที่แตกต่างจากโรงเรียนรัฐบาลอยู่มากเพราะมีเนคไทสีฟ้าประดับอยู่ติดเข็มกลัดเป็นตราโรงเรียนแห่งหนึ่งเอาไว้
“จะว่าไป ป้ายนี้มีคนมาน้อยจังเลย รถก็ไม่ค่อยจะผ่านด้วย”ผมพูดออกมาหลังจากสังเกตมานานแล้วว่ารถยนต์นานๆจะผ่านมาที ถนนแทบโล่งทำให้รถยนต์ที่ผ่านมาทางนี้ค่อนข้างขับเร็วจนน่าหวาดเสียว
“เดี๋ยวก็มีรถมาแล้วค่ะ”หญิงสาวคนนั้นตอบออกมา ก่อนที่บรรยากาศจะเริ่มอึดอัดอีกครั้งเพราะไม่มีอะไรจะพูดด้วย
จะว่าไปในช่วงตอนฝนตกนั้นมักมีสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำออกมาร้องกันระงม แม้แต่ที่ป้ายรถเมล์แห่งนี้ก็มีเจ้าสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำอย่างกบออกมาด้วย
“อ๊บ”
จะโผล่มาที่ไหนไม่โผล่ ดันมาโผล่ใกล้ขาของผม เนื่องจากผมนอกจากจะเกลียดเรื่องผีแล้วยังเกลียดกบอีกด้วย ด้วยความตกใจผมจึงพุ่งไปเกาะสิ่งหนึ่งเป็นที่พึ่งทันที
“แว้ก กบ”
ผมรู้สึกถึงความนุ่มนิ่มของสิ่งที่เกาะ ความเย็นเล็กน้อยผ่านเข้าสู่ร่างของผม ก่อนที่ผมจะหันไปเห็นว่าตัวเองกำลังกอดหญิงสาวคนนั้นอยู่ ใบหน้าของเธอออกสีแดงปนชมพูเล็กน้อย
“เหวอ ผมขอโทษครับ”ผมรู้สึกอายเล็กๆที่จู่ๆพุ่งไปเกาะผู้หญิงอื่นอย่างนี้ เข้าข่ายลวนลามร่างกาย ดีน่ะที่ไม่ถูกตบกลับมา
ในขณะที่ผมกำลังอายสุดขีดอย่างนี้ ผู้หญิงคนนี้ก็หัวเราะคิกคักออกมาเล็กน้อยก่อนพูดขึ้นว่า
“คุณเนี่ยตลกจังน่ะค่ะ” ไม่รู้ทำไมตอนที่เธอหัวเราะออกมา สีหน้าดูมีชีวิตชีวา ความสดใสของเธอทำให้ผมหน้าแดงออกมานิดๆ
“เปล่าตลกน่ะครับ เผอิญว่าผมค่อนข้างเกลียดกบ พอเห็นมันโผล่มาอย่างไม่ทันตั้งตัวก็เผลอตกใจก็เท่านั้น”
“ฉันชื่อราตรีน่ะคะ”จู่ๆผู้หญิงคนนี้ก็พูดชื่อของตนเองขึ้นมา ทำให้ผมแปลกใจขึ้น
“คุณน่ะเป็นคนแรกเลยที่เข้ามาทักฉัน ณ ที่แห่งนี้ ป้ายรถเมล์สายนี้”หญิงสาวที่ชื่อราตรียังพูดต่อ
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ค่อยชอบบรรยากาศเงียบๆสักเท่าไหร่ ผมชื่อวัฒน์น่ะครับ”ผมตอบออกไป พร้อมแนะนำตัวตาม ทำท่าทางให้ดูดีเข้าไว้
“อ๊ะ รถมาแล้วน่ะค่ะ”ราตรีพูดขึ้น ก่อนที่ผมจะหันไปมองตัวขัดบรรยากาศที่กำลังมาถึง ผมจำใจต้องเดินขึ้นรถไป แต่แปลกใจที่ไม่เห็นเธอคนนั้นขึ้นมาด้วย
“อ้าว เธอไม่ไปด้วยเหรอ”ผมหันไปถามราตรีที่ยังยืนกางร่มอยู่
“ค่ะ ฉันกำลังรออีกสายหนึ่ง”ราตรีตอบออกมา ทำให้ผมต้องล่ำลาเธอ รถเมล์ได้ออกตัววิ่งไปจากป้ายรถเมล์แห่งนี้ ภาพของเธอค่อยๆห่างไกลเรื่อยๆจนลับสายตา
วันต่อมา วันนี้โรงเรียนเลิกเร็วกว่าเดิมนิดหนึ่ง ผมรีบไปที่ป้ายรถเมล์ป้ายนั้นอีกครั้ง แต่แปลกใจที่ไม่เห็นผู้หญิงคนนั้นอีก ผมซึ่งคิดแต่ว่าวันนี้เธอคงไม่มากำลังหันหลังกลับ ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก นั่นทำให้ผมต้องนั่งรอที่ป้ายรถเมล์เพราะด้วยความประมาทที่ดันลืมพกร่มติดตัว
ทันใดนั้น ผมก็เห็นเธอคนนั้นเดินกางร่มฝ่าสายฝนมายังที่แห่งนี้ เธอค่อนข้างแปลกใจที่เห็นผมอีกครั้ง ผมกับเธอนั่งรอรถที่ป้ายรถเมล์สองต่อสองอีกครั้ง ผมยังอดแปลกใจไม่ได้ที่ทำไมป้ายรถเมล์แห่งนี้ถึงไม่ค่อยมีคนนัก
“ว่าแต่ฝนตกอีกแล้วน่ะครับ คนก็ไม่ค่อยผ่านมาแถวนี้ด้วย”ผมเอ่ยขึ้นมา รีบหาประเด็นมาพูดคุยกับราตรีทันที
“คงเป็นเพราะที่นี่ ประวัติไม่ค่อยดีมั้งค่ะ”ราตรีที่เงียบมาตลอดก็พูดขึ้น ทำให้ผมสงสัยขึ้นมา
“ประวัติไม่ดีนี่หมายถึง?”
“ค่ะ แถวนี้เกิดอุบัติเหตุอยู่บ่อยๆ อย่างเมื่อสามเดือนก่อนก็มีคนโดนรถชนตายที่นี่น่ะค่ะ”ผมได้ยินอย่างนั้นถึงกับขนลุกเกลียว ที่แถวนี้มีคนตาย นี่ผมเดินผ่านทุกวันโดยไม่เอะใจอะไรเลยหรอเนี่ย
“ระวังให้ดีน่ะค่ะ ค่ำๆมืดคุณกลับบ้านคนเดียวระวังเจอ.......น่ะค่ะ”ราตรีทำท่าเหมือนผีหลอกใส่ผม แต่ผมรู้สึกไม่น่ากลัวหรอกดูน่ารักมากกว่า
“แล้วทำไมคุณมาใช้ป้ายนี่ล่ะ ขนาดรู้ว่ามีคนตาย”ผมเอ่ยถามขึ้น ราตรีก็ยิ้มออกมาก่อนตอบออกไปว่า
“ก็มันใกล้โรงเรียนนี่หน่า แล้วคุณล่ะ”
“ผมก็มีเหตุผลเหมือนกับคุณนั่น”
“อ่ะ ฝนจะหยุดตกแล้ว”ผมเงยหน้าขึ้นไปมองบนฟ้า เมื่อเห็นฝนเริ่มตกน้อยลงอันเป็นสัญญาณอันดีที่จะต้องกลับบ้าน ราตรีรีบลุกขึ้นยืนทำให้ผมแปลกใจไม่น้อย
“จะไปไหนหรอครับ”ผมเอ่ยถามขึ้น เพราะแปลกใจกับท่าทีของเธอ
“อืม ฉันต้องกลับบ้านแล้วล่ะ ขอบใจน่ะที่มาเป็นเพื่อนคุย”
“ให้ผมไปส่งไหม”ผมรีบอาสาทันที เพราะราตรีก็เป็นสาวน้อยคนหนึ่งท่าทางดูเปราะบาง และก็ใกล้ดึกแล้วด้วยอาจจะเกิดอันตรายกับเธอก็ได้
“ไม่เป็นไร”ราตรีรีบปฏิเสธ ในขณะที่เธอกำลังเดินจะกลับไปที่บ้าน ปรากฏว่าเธอเผลอสะดุดอะไรบางอย่างเข้า ทำท่าจะล้ม ผมรีบไปคว้าตัวเธอทันที
‘นี่มันท่าพระเอกประคองนางเอก ตอนกำลังล้มเลยนี่หว่า’ผมคิดในใจ เพราะตอนนี้สองมือของผมกำลังประคองร่างอันบอบบางของหญิงสาวผู้นี้อยู่ หน้าของเราทั้งสองคนขึ้นสีเล็กน้อยก่อนที่ผมจะยกตัวเธอขึ้นยืน
“ขอบคุณน่ะค่ะ”ราตรีพูดจบก็รีบคว้าร่มที่ตกก่อนวิ่งออกไปทันที ฝนก็หยุดตกปล่อยให้ผมนั่งรถเมล์ไปทำธุระให้เสร็จ
หลังจากนั้นผมก็มาพบราตรีแทบทุกวันที่ป้ายรถเมล์แห่งนี้ ทุกครั้งที่เจอเธอฝนมักจะตกอยู่ตลอด แต่ผมไม่สนใจอะไรมากนัก นั่งคุยเรื่องครอบครัว เรื่องการเรียนได้อย่างสนุกสนานที่ป้ายรถเมล์แห่งนี้
วันต่อมา ที่โรงอาหารของโรงเรียน ในขณะที่ผมกำลังทานบะหมี่อยู่ จู่ๆไอ้โต้งกับไอ้กฏที่นั่งทานข้าวอยู่ข้างๆก็หันมาถามผมทันที
“นี่ไอ้วัฒน์ เมื่อวานข้าเห็นเอ็งไปนั่งที่ป้ายรถเมล์ที่ซอยเปลี่ยวใกล้โรงเรียนเรานิ ไปทำอะไรว่ะ”ไอ้โต้งถามขึ้น ผมก็เกิดอึดอัดใจ เพราะว่าผมมักจะไปที่ป้ายรถเมล์เพื่อพบราตรีอยู่บ่อยๆ ถ้าเพื่อนรู้ว่าผมไปคุยกับเพื่อนที่เป็นผู้หญิงโดนล้อตายเลย
“ก็ไปนั่งรอรถเมล์นั่นแหละ จะให้ไปทำอะไร”
“เดี๋ยวนี้เอ็งก็กล้านิหว่า ที่นั่นเคยมีคนตายน่ะเว้ยเฮ้ย ว่ากันว่ามีคนเคยเห็นวิญญาณของคนตายวนเวียนอยู่ที่แถวนั้นด้วยน่ะ”ไอ้กฎทำท่าน่ากลัว เล่นเอาผมใจเสียไปเลย เห็นอย่างนี้แต่ผมก็กลัวผีเหมือนกันน่ะ
“ล้อเล่นหรือเปล่า ฉันไปไม่เห็นเจอเลยน่ะ”ผมพยายามทำอวดเก่งเข้าไว้
“จริงสิ ที่นั่นมีคนตายบ่อยๆอย่างรายที่แล้วเป็นคุณหนูโรงเรียนเอกชนใกล้ๆแถวนี้นี่แหละ โดนสิบล้อทับตายเห็นมีคนบอกว่าผู้หญิงคนนี้ข้ามถนนไปเก็บร่มที่ปลิว แล้วสิบล้อมาพอดี”
“พอที ฉันไม่อยากฟัง”ผมรีบลุกขึ้น คำพูดของพวกนั่นทำผมใจเสียหมด คุณหนูโรงเรียนเอกชน? อย่าบอกน่ะว่าโรงเรียนเดียวกับราตรี มันทำผมเริ่มกลัว ทำไมราตรีถึงต้องมาที่นั่นบ่อยๆ เดี๋ยวตอนเย็นผมต้องถามเรื่องนี้กับเธอ
ในที่สุดก็ถึงตอนเย็นโรงเรียนค่อนข้างเลิกช้าและฝนก็ตกอีก ผมเดินมาถึงป้ายรถเมล์แห่งนี้และเจอราตรีอีกครั้ง
“อ้าววัฒน์ เจอกันอีกแล้วน่ะ”ราตรีร้องทักทาย รอยยิ้มของเธอทำให้ผมมีความสุขหายกลัวขึ้นมาทันที
“สวัสดี ราตรี วันนี้ก็มาที่นี่อีกแล้วน่ะ”ผมนั่งลงข้างๆเธอ พวกเราสนิทกันมากขึ้นจนถึงขั้นชื่อกันและกันโดยไม่ต้องเติมคุณได้อย่างสนิทปาก
“ฉันเผอิญได้ยินมาว่า คนที่ตายเป็นนักเรียนโรงเรียนเดียวกับเธอนิ เขาเป็นเพื่อนของเธอหรอ”ผมเอ่ยถามขึ้น ราตรีมีท่าทีตกใจเล็กน้อยก่อนพยักหน้ารับคำโดยง่าย
การที่ราตรียอมรับเรื่องนี้ ทำให้ความรู้สึกบางอย่างที่น่าอึดอัดของผมจางหายไป ผมหันไปมองราตรีพร้อมๆกับที่เธอหันมามองผม สายตาของเราสอดประสานกัน ก่อนที่ราตรีจะค่อยยื่นหน้าเข้ามาใกล้หน้าผมเรื่อยๆ มันเหมือนกับว่าจะจูบ
“อะนี่ เอาออกให้แล้วน่ะ”ราตรีหยิบเส้นผมเส้นหนึ่งที่หลุดร่วงออกจากหน้าของผมให้ เล่นเอาผมเสียดายเล็กน้อยนึกว่าเธอจะจูบกับเขา
‘จูบ? หรือว่าเราชอบราตรีเข้าแล้วจริงๆ’ผมเริ่มหน้าแดงเล็กน้อยเวลาที่มองหน้าเธอ ก่อนรีบเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อกลบเกลื่อนหน้าที่แดงขึ้นทันที
“นายเป็นอะไรหรือเปล่า วันนี้ก็พูดจาแปลกๆแถมไม่มองหน้าฉันอีก”ราตรีเอ่ยถามขึ้นก่อนยื่นมือเย็นๆของเธอมาจับที่แก้มผมทั้งสองข้างให้หันมามองหน้าเธอ ยิ่งทำให้ผมหน้าแดงเข้าไปใหญ่
“หรือว่านายไม่สบาย”ผมชักเขินเรื่อยๆ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ดีแน่ ผมเลยรีบลุกขึ้น
“ไม่เป็นไร ขอกลับบ้านก่อนน่ะ นึกขึ้นได้ว่ามีงานวิชาเลข”ผมโกหกออกไป ก่อนทำท่าจะวิ่งออกไป แต่ก่อนจะทำอย่างนั้นราตรีก็ตะโกนขึ้นมาเสียก่อน
“ไม่เป็นไรแน่น่ะ พรุ่งนี้นายจะมาที่นี่อีกไหม”
“อืม ฉันมาแน่”ผมตอบกลับไป ก่อนวิ่งกลับบ้านทันที หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมก็มานอนเล่นบนเตียง นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาตั้งแต่ที่ได้พบราตรีครั้งแรก ผมยังไม่รู้เธอมากพอเลยด้วยซ้ำ เลยไม่กล้าที่จะพูดออกมาว่ารัก
วันต่อมา ผมก็ต้องรับมือกับเพื่อนตัวป่วนของผมอีก คราวนี้พวกมันเล่าเรื่องที่ป้ายรถเมล์นั่นอีกครั้งหนึ่ง
“นี่ เมื่อวานฉันเห็นแกนั่งอยู่คนเดียวที่ป้ายรถเมล์นั่นน่ะ แถมทำท่าเหมือนจะคุยกับใครบางคนด้วยน่ะ แกเป็นบ้าหรือเปล่า”ไอ้กฎเอ่ยถามขึ้นมา
“เฮ้ย พวกแกบ้าหรือเปล่า ฉันนั่งกับเพื่อนของฉัน พวกแกไม่เห็นได้ไง”ผมแย้งออกไปสุดฤทธิ์
“ไหนเพื่อนของแก แกเพ้อเองหรือเปล่า”ไอ้โต้งยังพูดอีก พวกมันเห็นผมกลัวผี ยังจะคิดแกล้งกันอยู่อีก ผมเลยรีบลุกออกจากโต๊ะโดยไม่พูดกับพวกนั้นอีกเลย พอตกเย็นผมก็ไปที่ป้ายรถเมล์นั่นอีกครั้ง นั่งคุยกับราตรีเพื่อนของผม
“พวกนั้น บอกไม่เห็นเธอ ใจร้ายชะมัด คิดแกล้งเพื่อนโดยบอกว่าคนอื่นตายแล้วบางนี้”ผมเล่าเรื่องของวันนี้ให้ราตรีฟัง เธอดูกระอักกระอวนที่ผมพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกผิดที่เป็นเหตุที่ทำให้ผมกับเพื่อนทะเลาะกัน
“บางทีพวกเขาอาจจะเตือนคุณด้วยความหวังดีก็ได้”ราตรีพูดออกมาอย่างแผ่วเบา เพียงพอให้ผมได้ยิน
“แต่ยังไงก็เกินไปที่มาบอกเหมือนกับว่าเธอเป็นผีอย่างไรอย่างนั้น”ผมพูดขึ้นด้วยอารมณ์บูดเล็กน้อย ยังพออภัยเพราะเห็นว่ามันทำไปเพราะเป็นห่วงก็ตาม
“แต่ว่า”ราตรียังพูดไม่ทันจบ ผมก็จับไหล่ของเธอไว้พร้อมพูดขึ้นว่า
“เธอเป็น.....เป็นเพื่อนของฉันน่ะ ฉันคุยกับเธอได้ จับต้องตัวเธอได้ เธอไม่ใช่ผีสักหน่อย ฉันเชื่ออย่างนั้น”ผมพูดจบก็ลุกขึ้นยืน พร้อมมองท้องฟ้าที่ฝนยังคงตกอยู่เช่นเคย
“วัฒน์”ราตรีทำท่าเหมือนซาบซึ้งในคำพูดของผม ซึ่งผมคิดไปเอง ก่อนจะอำลาเธอเพื่อเตรียมตัวขึ้นรถเมล์ไปทำธุระ ผมได้เอามือล้วงไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อคว้านหาเศษเหรียญ ก่อนดึงออกมา แต่มีเหรียญบาทเหรียญหนึ่งหล่นออกมาจากกระเป๋ากางเกง ผมก้มตัวไปหยิบมันขึ้นมา
ราตรียังนั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์แห่งนั้นก่อนที่เธอจะหันมามองผมแล้วตกใจขึ้นมา
“วัฒน์? นายยังไม่ไปอีกเหรอ”เธอออกอาการแปลกใจมากนักที่เห็นหน้าผม อาจจะใช่เพราะตอนนี้สีหน้าของผมกำลังตื่นตะลึง ตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า
“ไม่จริงใช่ไหม ทำไมเธอถึงเป็นอย่างนั้นไปได้”ผมพูดพึมพำเหมือนกับคนบ้า ก่อนมองหน้าราตรีอีกครั้ง ตอนที่ผมก้มเก็บเหรียญ บังเอิญเผลอมองลอดหว่างขาพอดี และสิ่งที่ผมเห็นคือร่างของราตรีที่เต็มไปด้วยเลือด สีผิวที่ขาวซีดราวกับศพ ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล เสื้อผ้าขาดวิ่น เธอตายไปแล้ว
“อะไรของนาย วัฒน์?”ราตรีเรียกขึ้นทำท่าจะเดินไปหาผม
“อย่าเข้ามาใกล้ฉัน ยัยคนโกหก คนหลอกหลวง เธอตายไปแล้วทำไมไม่บอกฉัน”ผมตะโกนออกมา ราตรีที่ผมเห็นมาตลอดเป็นภาพมายา นี่สิน่ะผีหลอกของแท้
“วัฒน์ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”ราตรีทำท่าเหมือนจะร้องไห้ เธอพยายามจะเดินมาหาผม แต่ผมกลับชิงวิ่งหนีไปเสียก่อน ทิ้งราตรีไว้ที่ป้ายรถเมล์เพียงคนเดียว ราตรียืนนิ่งตากสายฝน เธอไม่ได้กางร่มเอาไว้ปล่อยให้ร่างของเธอเปียกปอนแทนน้ำตาที่เหือดแห้งไป
ผมรีบวิ่งกลับมายังบ้านและเข้าห้องนอนของตนเองทันที โดยไม่ฟังเสียงบ่นของแม่ที่ไล่ให้ไปอาบน้ำก่อน ผมนอนคลุมโปงทั้งน้ำตา รักแรกของผมเป็นคนที่ตายแล้ว แถมโดนหลอกแบบนี้อีก แทบเจ็บช้ำปางตาย
ผมอาบน้ำเสร็จก็เข้านอนทันที โดยไม่มานั่งเล่นเน็ตเหมือนปรกติ ผมนอนคลุมโปงเอาไว้ปล่อยสติเลือนหายไป
ผ่านไปสักพัก ดูเหมือนอากาศจะเย็นขึ้นเพราะฝนตก แสงจันทร์ที่ลอดผ่านหน้าต่างสาดเข้ามาเผยให้เห็นเงาของเตียงนอนผม และเงาของผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆ ผมในตอนนี้อยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นมองเห็นแค่เงาก็รู้ว่าใคร
“วัฒน์ ฉันขอโทษฉันไม่ได้ตั้งใจจะหลอกนาย”เสียงของราตรีดังขึ้นเป็นเสียงที่ดูโศกเศร้าและสำนึกผิด
“ออกไป ฉันเกลียดผีอย่างเธอ”ผมตะโกนลั่น จากนั้นเงาก็หายไปมีเพียงเสียงร้องไห้ที่ยังคงดังอยู่อีกสักพักก็หายไปตามสายฝน ฝนหยุดตกแล้วผมเหลือบมองนาฬิกาพบว่าตอนนี้ตีสามครึ่งแล้ว เหลือเวลานอนอีกเยอะจึงเข้านอนต่อทันที
ผมตื่นขึ้นมาในเช้าวันศุกร์ก่อนจัดแจงธุระต่างๆให้เสร็จก่อนออกไปโรงเรียน ผมเดินเท้ามาโรงเรียนก่อนจะพบซอยที่มีป้ายรถเมล์นั่นอยู่ โดยปรกติแล้วผมจะใช้ทางนี้เป็นทางผ่าน แต่ว่าผมจงใจเดินเลี่ยงไปทางอื่นที่ไกลกว่าเดิม
ทันใดนั้นพระอาทิตย์ก็หลบเข้าเมฆ เมฆฝนขนาดใหญ่เกิดขึ้นบริเวณนี้ก่อนที่ผมจะรู้สึกว่าได้ยินเสียงที่ลอยตามสายลมมาด้วย
“วัฒน์?”
“ออกไปน่ะ ราตรี ฉันเกลียดเธอไม่อยากเจอหน้าเธอ”ผมพูดออกมา ในมือกำหลวงพ่อวัดไร่ขิงที่แขวนคอไว้
“วัฒน์”ราตรีเสียงอ่อนลง ก่อนที่พระอาทิตย์จะโผล่มาพ้นเมฆอีกครั้ง เมฆฝนลอยหายไปพร้อมราตรี?
หลังจากนั้นผมก็ไม่ไปยุ่งที่ป้ายรถเมล์นั้นอีกเลย
“วัฒน์ เดี๋ยวนี้ลูกดูแปลกๆไปน่ะเป็นอะไรหรือเปล่า”แม่เอ่ยถามขึ้นในเช้าวันหนึ่ง อาจเป็นเพราะเธอสังเกตเห็นว่าผมเริ่มชอบเหม่อลอยขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่เป็นไรครับ”ผมตอบออกไป
“หรือว่าช่วงนี้ลูกทะเลาะกับเพื่อนมา”แม่อาจจะทายถูก แต่ก็ไม่ถูกทั้งหมดเพราะผมยังรู้สึกผิดที่ไปไล่ราตรีอย่างนั้น
“ก็ไม่เชิงครับ”
“นี่ ลูกมีปัญหาอะไรบอกแม่มาได้น่ะ แม่พร้อมช่วยเหลือเสมอ”แม่พูดออกมาอย่างนั้น แต่ผมรู้สึกว่าแม่แก้ปัญหาไม่ได้หรอก เพราะอีกฝ่ายเป็นคนที่ตายแล้ว
“เอ่อ คือว่าผมจับได้ว่าเธอโกหกผมเรื่องหนึ่ง และเป็นเรื่องที่ผมรับไม่ได้ด้วย ผมเลยโกรธออกปากไล่เธอไปน่ะครับ”
“อย่างนี้นี่เอง แล้วเรื่องที่เขาโกหกกับลูกเป็นผลดีหรือผลร้ายล่ะจ๊ะ”แม่ยังถามอีก
“ก็ไม่นิครับ เธออาจจะแค่ไม่ได้ตั้งใจหลอกผมก็ได้”
“ลูกการคบเพื่อน มันไม่ได้ง่ายๆเหมือนเกมส์โหมดอีซี่หรอกน่ะ เราควรจะดูเจตนาของเขาด้วยว่าคบเราเพื่ออะไร ถ้าเขาหวังดีกับเรา บางทีเขาก็จำใจโกหกเราเพื่อไม่ให้เราเสียใจก็ได้น่ะ เรากับเพื่อนก็ยังเด็กอาจจะเผลอโกหกไปเพราะคิดว่ามันเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการรักษามิตรภาพไว้ก็ได้ เพราะงั้นลูกควรให้อภัยเขาน่ะ”แม่ของผมพูดออกมาอย่างนั้น ก็ทำให้ผมรู้สึกได้
ตอนเย็นฝนกำลังตกอย่างหนัก ผีราตรีก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมพร้อมกางร่มใต้ป้ายรถเมล์ ก่อนที่เธอจะหันมาเห็นผมที่กำลังเดินมาทางนี้ เมื่อราตรีเห็นผม เธอก็รีบเดินหนีทันที ผมรีบคว้าแขนเธอไว้แม้จะตกใจนิดๆจากความเย็นจากแขนของเธอ
“เดี๋ยวราตรีเธอจะไปไหนน่ะ”ผมเอ่ยถามขึ้น
“นายไล่ฉันไปไกลๆไม่ใช่เหรอ ฉันก็ทำตามให้แล้วไง”ราตรีตอบออกมา และนั่นทำให้ผมรู้อย่างหนึ่งผีก็งอนเป็น ผมรีบดึงตัวเธอมากอดไว้แม้ว่าร่างของเธอตอนนี้จะเต็มไปด้วยเลือดและไร้ความอบอุ่น
“ฉันขอโทษ ฉันไม่น่าว่าเธออย่างนั้นเลย”ผมขอโทษราตรีทันที ก่อนที่ร่างของราตรีจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมเหมือนตอนที่ผมเห็นเธอครั้งแรก ไม่ใช่ร่างที่เต็มไปด้วยเลือด
หลังจากปรับความเข้าใจเสร็จ ผมกับราตรีก็นั่งคุยกันอีกครั้ง แม้ว่าผมจะรู้สึกแปลกๆที่ต้องมานั่งคุยกับผีเป็นครั้งแรก
“แล้วเธออยากไปเกิดใหม่ไหม”ผมเอ่ยถามขึ้นด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆเพราะไม่รู้ว่าผีนั้นชอบคุยเรื่องอะไรบ้าง อาจจะเป็นตายแล้วไปไหน หรือผลบุญในชาตินี้ก็ได้
“อยากสิ แต่ฉันไปไหนไม่ได้นอกจากที่นี่และจะโผล่มาเฉพาะตอนฝนตกเท่านั้นยกเว้นตอนไปบ้านเธอน่ะ ดวงจิตของฉันผูกพันกับเธอนิดหน่อยเลยตามมาได้”ราตรีตอบ
“เธอมีเรื่องค้างคาใจอะไรหรือเปล่า”ผมถามขึ้นอีกครั้ง เพราะว่ากันว่าดวงวิญญาณที่ไม่ได้ไปเกิดเพราะมีบางอย่างที่ค้างคาใจอยู่
“ก็ไม่รู้สิน่ะ ฉันจำตอนตัวเองตายไม่ได้เลย”ราตรีตอบออกมา ปล่อยผมนั่งวิเคราะห์ จากที่ผมสังเกตเธอมักจะปรากฏที่ป้ายรถเมล์เวลาฝนตก ก่อนผมจะนึกถึงไอ้สองเกลอที่ชื่นชอบเลยลึกลับเป็นชีวิตจิตใจ
“นี่ ไอ้โต้งแกช่วยเล่าเรื่องคนที่ตายที่ป้ายรถเมล์เมื่อสี่เดือนก่อนได้ไหม”ผมโทรไปถามไอ้โต้งทันที โชคดีที่มันเล่นเกมส์อยู่ที่บ้านเลยรับสายผมได้
“ทำไมจู่ๆแกสนใจเรื่องนี้ได้ว่ะ เดี๋ยวฉันหาให้”ไอ้โต้งพูดขึ้นก่อนเปิดท่องเว็บหาข่าวทางเน็ตมาอ่านให้ผมฟังทันที
“เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 25XX เวลา 17.56 น. มีการแจ้งเหตุอุบัติเหตุที่ถนนหน้าป้ายรถเมล์สาย 62 พบศพนักเรียนโรงเรียนเอกชน......................... ชื่อว่ารัตติกาล สายน้ำจันทร์ อายุ 17 ปีถูกรถชนเสียชีวิต ใกล้ๆกับที่เกิดเหตุคือรถบรรทุกทะเบียน ฏฏ 0000 จอดอยู่ เป็นรถที่พุ่งชนผู้เสียชีวิต คนขับได้หลบหนีไป พยานในที่เกิดเหตุว่าตอนนั้นเกิดฝนตกอย่างหนัก แล้วร่มของนางสาวรัตติกาลผู้ตายเกิดหลุดมือไปอยู่ที่กลางถนน นางสาวรัตติกาลจึงรีบเดินไปเก็บมันมา แต่ว่าจู่ๆรถบรรทุกที่ขับมาด้วยความเร็วสูงพุ่งเข้าชน ร่างของผู้ตายกระเด็นมาถนนอีกเลนส์หนึ่ง สภาพใกล้สิ้นลม แทนที่คนขับจะลงมารับผิดชอบกลับวิ่งหนีไป ทางพยานเรียกรถพยาบาลมาแล้ว แต่ไม่ทันนางสาวรัตติกาลได้เสียชีวิตลงในที่เกิดเหตุ”
“อืม ขอบใจมาก”ผมกล่าวขอบคุณเสร็จก็วางสายทันทีก่อนหันมามองหน้าราตรี ตอนนี้ผมสงสารที่เธอต้องมาตายโดยไม่มีใครรับผิดชอบ
“ตกลงแล้ว เธออยากทำอะไรก่อนตาย”
“ไม่รู้ อาจจะเป็นแค่อยากได้ร่มคันนั้นก็ได้มั้ง”ราตรีพูดขึ้น ทำให้ผมแปลกใจขึ้นมานิดๆเพราะร่มที่เธอว่ามันอยู่กับตัวเธอตลอด
“ไม่ใช่ร่มนี้น่ะ เป็นร่มของฉันจริงๆ มันอาจจะกระเด็นไปที่ไหนสักแห่ง” โชคดีที่แถวนี้ไม่ค่อยมีรถผ่าน ผมเดินตระเวนหาตามรายทางใกล้ๆป้ายรถเมล์แห่งนี้ก็ไม่เจอร่มสักคันเลย นั่นทำให้ผมต้องย้อนกลับไปที่บ้านเพื่อเปิดเน็ตหาข้อมูล โชคร้ายที่ข่าวนี้ค่อนข้างเป็นข่าวเล็กไม่ค่อยเป็นประเด็นสักเท่าไหร่
ในขณะที่ผมนั่งค้นหาอยู่กลิ่นหอมก็ลอยเข้ามาใกล้จมูกพร้อมมือขาวซีดที่ชี้ไปที่ข้อความหนึ่งบนหน้าเว็บเพจ
“นี่หรือเปล่า ข่าวภาคเที่ยงประจำวันที่ 13 มิถุนายน”
“ขอบใจมากราตรี เฮ้ย”ผมตกใจสะดุ้งทันทีที่รู้ว่าราตรีตามผมมาด้วย “เธอมาได้ไง”
“ก็ไม่รู้สิ อาจเป็นเพราะนายเป็นคนเดียวที่เห็นฉันได้ จิตของเรามันผูกพันกัน”ราตรีตอบออกมาด้วยรอยยิ้ม ที่เธอบอกว่าตามผมมาก็หมายความตอนผมอาบน้ำก็......
ดูเหมือนราตรีจะเดาใจผมได้เธอพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องห่วงน่ะวัฒน์ ของนายมันเล็กจิ๊ดเดียว”
“ผมไม่เล็กน่ะครับ”
หลังจากนั้นผมก็เปิดดูข่าวที่ที่รายการข่าวเอามาแสดงไว้ มีรายการหนึ่งพูดถึงข่าวของราตรีด้วย ผมตั้งใจดูอย่างดี ก่อนจะเห็นสิ่งที่น่าสนใจเข้า ภาพของป้าแก่ๆคนหนึ่งที่น่าจะเป็นแม่ของราตรีร้องไห้ไปในมือถือร่มสีดำที่เลอะเลือดเอาไว้
“ในที่สุดก็หาเจอสักที” ราตรีดูเหมือนจะโล่งอกขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้หายไปเพราะเธอต้องได้ถือร่มคันจริงๆ ซึ่งน่าจะเป็นปัญหาอย่างมากเพราะตอนนี้ร่มอยู่ในมือของแม่เธอแล้ว
ตอนเย็นวันต่อมา ผมเดินไปที่บ้านของราตรี เป็นบ้านสองชั้นบรรยากาศร่มรื่น พอผมกดกริ่ง ก็มีหญิงรุ่นป้าคนหนึ่งเดินมาเปิดประตูให้ ซึ่งผมจำได้ว่าเธอเป็นแม่ของราตรี แต่ว่าตอนนี้ใบหน้าซีดเซียว ร่างกายผอมแห้งดูอ่อนแรง
“หนูเป็นใครจ๊ะ”แม่ของราตรีพูดขึ้น ผมก็พูดตามบทที่อุตส่าห์สร้างขึ้นทันที
“ผมเป็นเพื่อนของราตรีครับ เพื่อนสมัยที่อยู่ภูเก็ตน่ะครับ เผอิญว่าผมมีธุระแถวนี้พอดีเลยมาเยี่ยมน่ะครับ”ราตรีเคยบอกว่าเคยอยู่ที่ภูเก็ตมาก่อน ซึ่งเธอมั่นใจว่าแม่คงจำไม่ได้ว่าเธอมีเพื่อนกี่คน ใครบ้าง
“ตอนนี้ราตรีไม่อยู่หรอกจ๊ะ”แม่ของราตรีมีสีหน้าตื่นตะลึงเล็กน้อยที่ผมพูดชื่อราตรีออกมา แหงล่ะเป็นชื่อของลูกสาวคนเดียวของเขานิ
“แล้วเขาไปไหนแล้วล่ะครับ”ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง แม่ของราตรีมีสีหน้าเศร้าเล็กน้อยซึ่งผมก็ไม่อยากไปรื้อฟื้นความทรงจำของเธอมากนัก แต่ว่าเพื่อให้ราตรีได้ไปเกิดอย่างสบายใจ ผมจำใจต้องโกหก
“เธอตายแล้วจ๊ะ ขอโทษที่ทำให้เธอมาเก้อ”ถ้ามีรางวัลตุ๊กตาทองคงต้องให้ผมแน่ๆ เพราะผมแสดงสีหน้าตื่นตะลึงได้แนบเนียนอย่างมาก
“ราตรีตายแล้วหรอครับ”ผมแสดงสีหน้าเศร้าตามแม่ของเธอ ก่อนที่แม่ของราตรีจะพาผมเข้ามาในบ้าน ผมนั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่นก่อนมองไปรอบๆบ้านก็รู้มาว่าแม่ของราตรีอยู่คนเดียว แม่ของราตรีเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับร่มในมือ
“นี่ เป็นสมบัติชิ้นเดียวที่ราตรีเหลือให้ฉัน ฉันขอโทษน่ะที่ไม่ได้ชวนเธอมาร่วมงานศพ แต่ขอให้เธอแสดงความเสียใจกับร่มนี้แล้วกัน เดี๋ยวน้าไปเอาน้ำมาให้”
ผมรับร่มนั้นมา แม้ว่าเลือดจะแห้งกรังไปนานแล้วแต่ก็ไม่หายไป ราตรีเห็นสภาพของแม่เธอก็อดร้องไห้ไม่ได้ แต่แม่ของเธอไม่มีวันได้เห็นตัวเธอ แม่ของราตรีพอยื่นร่มให้เสร็จเธอก็หันหลังกลับไปที่ประตู ระหว่างนั้นที่หางตาของเธอก็เหลือบไปเห็นราตรีที่นั่งอยู่ข้างๆผมพอดี เธอรีบหามาเรียกชื่อราตรีอย่างรวดเร็ว แต่ว่าเธอก็ไม่เห็นราตรีอีกแล้ว
หลังจากที่แม่ราตรีเดินออกไปจากห้อง ผมก็ยื่นร่มให้ราตรี เธอลูบร่มอย่างเศร้าสร้อยก่อนพูดขึ้นว่า
“วัฒน์ ขอฉันอยู่ที่นี่สักพักน่ะ”ผมก็ทำตามโดยดี บอกลาแม่ของราตรีก่อนเดินออกไป
ตอนกลางคืน แม่ของราตรีเกิดฝันขึ้นมา เธอฝันเห็นว่าราตรีมายืนยิ้มอยู่ตรงหน้าเธอ
“แม่ แม่ซูบผอมไปมากเลยน่ะ”
“ราตรี นี่ลูกจริงๆหรือนี่”แม่ของราตรีวิ่งเข้าไปกอดลูกสาวด้วยความดีใจ
“แม่จ๋า แม่ไม่ต้องห่วงหนูอีกต่อไปแล้วน่ะ แม่ก็อย่าทำร้ายตัวเองอีกเลย ลืมเรื่องของหนูได้แล้วน่ะ”
“แล้วราตรีจะไปไหนล่ะ ลูก”แม่ของราตรีเอ่ยถามขึ้นทั้งน้ำตา
“หนูจะไปเกิดใหม่แล้วน่ะค่ะ แม่ ไว้ชาติหน้าถ้ามีบุญหนูขอเกิดมาเป็นลูกแม่อีกครั้งน่ะ”แล้วร่างของราตรีก็เลือนหายไป
“ราตรี!”แม่ของราตรีสะดุ้งตื่นขึ้น ก่อนมองร่มของราตรีวางไว้ที่บนชั้นพร้อมกับอัฐิของราตรี ที่บัดนี้มันได้หายไปแล้ว “ลูกแม่ไปเกิดแล้วสิน่ะ”
ผมรอราตรีอยู่ที่ป้ายรถเมล์ที่เดิมก่อนเห็นราตรีเดินมาหาผม
“ขอบใจมากน่ะ วัฒน์ ฉันรอคนที่จะมาช่วยฉันตั้งนานมีเธอคนแรกที่ยอมช่วยฉัน”ราตรีเดินมาตรงหน้าผมทั้งน้ำตาและรอยยิ้ม ร่างของเธอเรืองแสงอ่อนๆออกมา ก่อนที่เธอจะพุ่งเข้าหาผม
ผมไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือว่าไง ริมฝีปากของราตรีไม่ได้เย็นชีดอย่างที่คิดไว้ แต่กลับอุ่นและนุ่มนิ่มเหมือนตอนที่เธอมีชีวิต ผมเสียจูบแรกให้กับผี
“ขอบใจมากน่ะวัฒน์ น่าเสียดายถ้าฉันยังมีชีวิตอยู่ เราสองคนอาจเป็นแฟนกันก็ได้”ราตรีถอนจูบออกก็พูดขึ้นก่อนโบกมืออำลาให้แก่ผม ก่อนที่ร่างจะจางหายไป ฝนที่ตกอยู่ตลอดก็หยุดตกลงไปแล้วด้วย ผมเชื่อว่าเธอต้องไปเกิดในชาติภพที่ดีได้แน่

.........................................................................................................................................

หนึ่งปีต่อมา เดือนมิถุนายน เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ฝนตกอย่างรุนแรง ผมมาที่ป้ายรถเมล์
jin 06-17-2014, 07:35 PM
พอดี ขับรถกลับบ้าน นึกถึงอะไรหลายๆอย่างที่เจอมาในช่วง2-3วันนี้ได้ เลยนำมาแต่งเป็นนิทานครับ

กาลครั้งหนึ่งนานมา มีพ่อมดอัจฉริยะ ฉายา พ่อมดขาว ซารูมาน
ซารูมานนี้ เป็นพ่อมดอัจฉริยะ ที่สามารถ จดจำมนต์คาถาได้มากมาย แต่ทว่า
เขากลับไม่พอใจในสิ่งที่เขาทำได้ จนกระทั่งมีข่าวลือว่า มีเขาวงกตลึกลับปรากฏตัวขึ้น พระราชา ได้จ้างวาน คนมากมายหลากหลาย
เพื่อไขปริศนาภายในเขาวงกต ว่า ภายในนั้นมีอะไร
ผู้กล้ามากมายหลายอาชีพ สมัคเข้าร่วมการเดินทางครั้งนี้อย่างล้นหลาม
บ้างแสวงหาชื่อเสียง
บ้างแสวงหาเงินทอง บ้างแสวงหาตำแหน่ง ซารูมานเองก็เช่นกัน
และแล้วการเดินทางก็เริ่มขึ้น ผู้กล้าทั้งหมด ทยอยเดินทางเข้าสู้เขาวงกตลึกลับ
ภายในเขาวงกตนั้น ซับซ้อนมาก เมื่อถึงทางแยกต่างๆ เหล่าคนทั้งหลาย ต่างแยกไปตามทางที่ตนคิดว่าถูก เมื่อเวลาพ่านไป 2วัน ซารูมานเริ่มหลงทางวนเวียนอยู่ภายในนั้น
โดยไม่ยอมช่วยเหลือใคร และไม่รับความช่วยเหลือจากใคร เขาเอาตัวรอดจาก
ปีศาจภายในเขาวงกตได้อย่างง่ายดาย และปล่อยผู้ร่วมเดินทางคนอื่นๆ
ที่ไม่รู้จักให้โดนปีศาจฆ่าตาย โดยไม่ยื่นมือช่วยเหลือ
เป้าหมายของซารูมานคือ พยายามจะพิชิตเขาวงกตให้ได้เป็นคนแรก
เพื่อชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้น7 วันพ่านไป ซารูมานเองยังคงหลงทางอยู่ในเขาวงกต
เสบียงอาหารที่นำมานั้น เรื่อมหมดลงไปทุกที เมื่อตอนเริ่มเดินทางครั้งแรกนั้น
ยังมีเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่ง ซึ่งไม่มีวิชาดาบ หรือมนต์คาถาอะไรเลยติดตัว
แต่สิ่งที่เด็กหนุ่มนั้นมีคือ การวางแผนที่ดีเยี่ยม เด็กหนุ่มคิดที่จะทำแผนที่เขาวงกตทั้งหมด
โดยการรวบรวมคน และค่อยๆร่างแผนที่ขึ้นอย่างช้าๆ แบบใจเย็นๆ
โดยไม่มีการหลงทาง แผนงานของเขาเป็นไปอย่างช้าๆ
เด็กหนุ่มเคยขอความช่วยเหลือจาก ซารูมาน แต่ ซารูมาน ปฏิเสธ
เพราะความโลภ ในลาภยศและชื่อเสียง โดยยึดเป้าหมายว่า ตนเพียงคนเดียว
จะพิชิตเขาวงกตนี้ให้ได้พ่านไป15 วัน ซารูมาน หมดเรี่ยวแรง ขาดน้ำและอาหาร
ในขณะที่เขากำลังจะตายนั้น หูของเขาได้ยินเสียงโห่ร้องแสดงความดีใจจากที่ไหนซักแห่ง และเสียงเฉลิมฉลองความสำเร็จของผู้พิชิตเขาวงกตได้
สิ่งที่ซารูมานคิดได้ตอนนั้นมีเพียงแค่ ความอิจฉา และน้อยเนื้อต่ำใจ
และคิดว่า ทำไมทั้งๆที่ตนเองมีฝีมือดี แต่กลับไม่สามารถพิชิตเขาวงกตนั้นได้
พลางเกิดอาการน้อยใจและหมดกำลังใจ สิ้นชีวิตอยู่ในเขาวงกตนั้นเองโดยที่
ซารูมานไม่เคยรู้เลยว่า วิธีหาทางออกนั้น ง่ายเพียงแค่ค่อยๆ
ทำแผนที่แบบเด็กหนุ่มที่เขาเหยียดหยามว่า ไม่มีวิชาฝีมือ
ก็สามารถเป็นผู้พิชิตเขาวงกตได้ ทางออกทั้งหมด อยู่แค่ใต้จมูก
ที่เขามองไม่เห็นเพราะถือทิฐิ ในความเก่งของตัวเอง
และการไม่ยอมรับความคิดของผู้อื่น
อา~~~ ซารูมาน เจ้าช่างตายอย่างน่าเสียดายนัก

วันที่อากาศเย็นสบายและรถติดกระจาย
jnkillerqueen
Kuruni 06-16-2014, 03:29 PM
จาก DM of the Rings อีกแล้ว (หน้านี้)

เวลาเราเขียนเกม สิ่งหนึ่งที่มักจะใช้กันบ่อยๆก็คือประตูล็อก และบางครั้งเราก็ใส่พัซเซิลหรือให้ไปหากุญแจมาเปิด นับเป็นธรรมดา แต่บางทีก็จะมีคนติว่า"ทำไมตัวเอกไม่ (ใช้ขวานฟันพังประตู, ปีนเข้าไปทางหน้าต่าง, ฯลฯ)?" ซึ่งจริงๆแล้วถ้าเราหาเหตุผลมาได้(หรือยอมหใผู้เล่นใช้วิธีนอกกรอบได้)ก็ดี แต่ถ้าไม่ได้...

ใครที่ไม่เห็นกระทู้ก่อนหน้านี้ DM of the Rings เป็นเว็บคอมิกที่บุกเบิกแนวที่ใช้ภาพจากหนังมาแปะคำพูดเหมือนตัวละคร(ที่เรามองไม่เห​็น)กำลังเล่นเกมTRPG มีที่มาจากความคิดที่ว่า "D&Dนั้นเกิดจากลอร์ดฯ แต่ถ้าเอาเกมเมอร์ทั่วๆไปไปเล่นแคมเปญลอร์ดฯแบบเดิมๆรับรองว่าเละ" สังเกตได้ว่าคณะปาร์ตี้ไม่สนใจคำบรรยายเลย (แต่ใครอ่านเรื่องนี้แต่ต้นจะรู้ว่าGMก็อ่านๆไปไม่สนใจปฏิกิริยาผู้เล่นเหมือนกัน) แถมเรียกตัวละครตามคนเล่นแบบทำลายบรรยากาศสุดๆ



ซับไตเติล

GM: พวกเจ้ามาอยู่กันที่ประตูแห่งมอเรีย! สถานแห่งความหวาดกลัวและตำนานอันดำมืด สิ่งที่อยู่ในนั้นคือมหานครของคนแคระและความเร้นลับมากมาย แต่เจ-

เมอรี: ใช่ๆ รู้แล้วว่ามันน่ากลัว เข้าไปกันเถอะ

GM: ประตูนั้นปิดไว้อย่างแน่นหนา ที่อยู่บนแผ่นหินใหญ่นั้นเขียนไว้ว่า "จงเอ่ยคำ สหาย แล้วเข้ามา"

GM: แกนดาล์ฟเดอะเกรย์ขมวดคิ้วและขบปริศนานี้ ใช้ใจค้นหาคำตอบ

อารากอน: ไม่นะ ปริศนาแน่ะ!

โบโรเมียร์: โอย ไม่เอาน่า!

GM: บางทีถ้าพวกเจ้าร่วมคิดรหัสกับแกนดาล์ฟก็อาจจะช่วยเขาไขปริศนาได้

อารากอน: โอเค ชั้นจะแกะบานพับ

GM: ไม่มีบานพับ

แซม: ทุบกุญแจให้พัง?

GM: ไม่มีกุญแจให้เห็น

โบโรเมียร์: พังประตูเลย?

GM: พวกนายทำไม่ได้หรอก

เลโกลาส: ใช้คาถาเปิด?

GM: พวกนายไม่มีเลยสักบท

พิพพิน: เผามัน?

GM: มันทำจากหินว้อย!

เลโกลาส: แงะมันออก?

GM: ไม่มีช่องว่าง

เลโกลาส: เทน้ำลงไปรอบๆประตู ปล่อยให้มันซึมลงไปตามรอยแตกแล้วdHแข็ง ทำให้ประตูแตก?

GM: ตรงนี้อุ่นกว่าจุดเยือกแข็งเยอะเลย

โบโรเมียร์: ระเบิดมันทิ้ง?

GM: ไม่มีวัตถุระเบิด เด่อ

เลโกลาส: หาทางอื่นเข้าไป?

GM: พวกนายค้นหุบเขานี้ตั้งแต่ต้นจรดปลาย ไม่เจอประตูอื่นเลย

กิมลี: เอาล่ะ งั้นก็ขุดอุโมงลอดไปกัน?

GM: พวกนายไม่มีอุปกรณ์

หลังจากนั้นมากๆ

อารากอน: ก็ตกลงกันว่างี้นะ พวกนายไปหาต้นไม้ใหญ่ๆสักต้น โค่นมัน แล้วเอาซุงกลับมานี่ ชั้นกับเดฟจะประกอบนั่งร้านกัน แล้วแฟรงค์จะมัดเชือกทั้งหมด

โบโรเมียร์: ทีนี้ที่เราขาดก็คือรอก

แกนดาล์ฟ (GM): ให้ตายเถอะโว้ย! รหัสผ่านก็คือ Mellon ไอ้พวกบ้าเอ๊ย!

โบโรเมียร์: นั่นอยู่ในบทหรือเปล่า?

อารากอน: ใครจะไปสน อย่างน้อยประตูก็เปิดแล้ว




สรุปก็คือ ถ้าเราตามผู้เล่นไม่ทันก็อย่าคิดมากเกินไปนักเลยครับ บางคนมันเฟื่อง...
Kuruni 06-14-2014, 04:45 PM


เฮ้อ...
Kuruni 06-13-2014, 01:45 PM
เคยมีใครสงสัยไหมครับ ว่าเจ้า"กระเป๋า"ที่ใส่ของในInventoryนี่...

จาก DM of the Rings ครับ (ตอนนี้มาจากหน้านี้) เป็นเว็บคอมิกที่บุกเบิกแนวที่ใช้ภาพจากหนังมาแปะคำพูดเหมือนตัวละคร(ที่เรามองไม่เห็น)กำลังเล่นเกมTRPG มีที่มาจากความคิดที่ว่า "D&Dนั้นเกิดจากลอร์ดฯ แต่ถ้าเอาเกมเมอร์ทั่วๆไปไปเล่นแคมเปญลอร์ดฯแบบเดิมๆรับรองว่าเละ"

ตัวละครในนี้ อารากอนเป็นเกมเมอร์ทั่วไป (ไม่สนเนื้อเรื่อง ไม่สนใจบท ลุยเอาของอย่างเดียว) ส่วนกิมลีเป็นเกมเมอร์เข้าไส้ (อินกับบท) ผมเลยแปลใช้สรรพนามต่างกันหน่อย

ถึงมันจะเป็นถุงในTRPG แต่RPGทั่วๆไปก็พอๆกันนั่นล่ะ
[Image: Eidab9MHszkWKU9agrBN3Mrwiz19Z8ElGVDlxe-_...50-h577-no]

ซับไตเติล
อารากอน: ฉันดีใจที่เราได้รื้อโรงอาวุธของราชานะ ฉันเอาอาวุธพวกนั้นมาด้วยสักสองโหล เผื่อเราจะเจอร้าน

กิมลี: ร้านค้า! การมองโลกในแง่ดีของเจ้าทำให้ข้ากลัวเลย อีกอย่างนึง ของพวกนั้นมันหนักไม่ใช่เหรอ?

อ.: ไม่หรอก ฉันแบกของได้100ปอนด์โดยไม่หนัก แล้วก็แน่ใจแล้วว่าเอามาแค่ 99 ปอนด์น่ะ

ก.: ฉลาดมาก แล้วนี่เอาไว้ที่ไหนล่ะเนี่ย?

อ.: โอ๋ นายก็รู้นี่ ในกระเป๋าไง

ก.: โอ้ "กระเป๋า"ของเจ้างั้นรึ หือ? เจ้าหมายถึงอันที่เจ้าไม่เคยสะพาย ไม่เคยพูดถึง อันที่ไม่มีอยู่ในภาพตัวละคร แต่เจ้าก็มีอยู่กับตัวตลอดงั้นหรือ?

อ.: อันนั้นล่ะ

ก.: กระเป๋าสะพายที่ใส่หอกและดาบได้ แต่ก็ยังคงเอาเข้าประตูได้?

อ.: ใช่ รู้นี่นา

ก.: กระเป๋าสะพายที่ไม่เคยทำให้เจ้าเสียสมดุลย์หรือทำหใเจ้ากระโดดไม่ขึ้น?

อ.: ถูกต้อง

ก.: กระเป๋าสะพายที่ของที่เจ้าต้องการอยู่ข้างบนสุดเสมอโดยไม่ต้องรื้อออกมา?

อ.: ก็คงงั้น...

ก.: และในกระเป๋านั้น อาหารก็ไม่เคยบูดหรือเก่าด้วยใช่ไหม?

อ.: คือ เราก็ไม่เคยจับเวลาพวกนั้น...

ก.: ทั้งหมดนั่น และของข้างในก็ไม่เคยกระทบกันหรือส่งเสียใดๆเลย!

อ.: นี่นะ เจ้าคนแคระเฝ้าสวน นายบอกอะไรหรือว่ายังไง?

ก.: ข้าก็แต่จะบอกว่า...เจ้าไม่ได้มีกระเป๋าสะพาย ที่เจ้ามีคือเครื่องTARDISล่องหนที่ทำจากหนังน่ะ

ปล.เครื่องTARDIS เป็นเครื่องมิติเวลาในเรื่องDr.Whoครับ
ปปล.คนเขียนก็บอกไว้ว่า ถึงมันจะไม่สมจริงยังไง แต่เกมเมอร์ที่ชอบความสมจริงมากๆก็มักจะพอใจกับกระเป๋าแบบนี้แล้วนะ
นิราจ 06-12-2014, 12:44 AM
มีเกมที่สามารใช้แค่คลิกซ้าย ก็เล่นให้เครียได้แนะนำมั้ยคับ
เช่น Diablo2 , Red aleart2 เป็นต้นคับ
ขอเป็นเกมเจ๋งๆ
Left click only
นิราจ 06-09-2014, 11:48 PM
เพื่อนๆ ชอบกระเพาะแบบไหนที่สุด ฮ่ะ
เอาอันที่ชอบเฉยๆก็ได้คับ ไม่จำเป็นว่าต้องอยากอยู่ข้านใน
หรือเอาอันที่ เกลียดกลัวที่สุดก็ได้คับ สำหรับคนที่เกลียดกระเพาะ
ทำหน้าเหยาหมิง

[Image: stomach2_zps746239e0.jpg]

อธิบาย
1.กระเพาะแบบสัตว์ทั่วไป มีความกว้างมากกว่าสูง เวลาอยู่ต้องนั่ง
2.กระเพาะแบบสูง ต้องยืนไม่ก็นั่งชิดขา
3.กระเพาะแบบต้นไม้ คล้ายๆถังน้ำกลมๆให้เราแช่
4.กระเพาะแบบนอน เฃ่นงู มังกรยาวๆ เป็นต้น
5.กระเพาะแบบบิดเบี้ยว รูปร่างบิดเบี้ยว ตะปุ่มตะป่ำ
6.กระเพาะแบบไม่มีรูปร่างตายตัว อาจจะเป็นของพวก Slime / Tentace ทำรูปร่างให้เป็นกระเพาะ
motley 06-09-2014, 05:52 PM
สวัสดีครับทุกท่าน หลังจากผมสิงบอร์ดนี้อยู่นานพบว่าการยึดเเชทเป็นขนบธรรมเนียมที่มีมาช้านานของเว็บบอร์ดเเห่งนี้ ผมได้ทำการทดลอง"ยึดเเชท"ถึงจะเฟลบ้างสำเร็จบ้างก็คุ้มค่าเเล้วที่ลงมือลงเเรงไปจนเกิดเป็นกระทู้นี้ขึ้นมา !! Me gusta

ข้อที่ 1 ยึดเเชทช่วงประมาณตี 3 - 4 หรือ 6 โมง ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่สมาชิกเเทบจะทุกคนหลับไหลผมเเนะนำให้ยึดช่วงนี้เเบบกำหนดเวลาครับ เช่น "ยึดเเชทจนกว่าจะเช้า","ยึดเเชท 1 ชั่วโมง"แบบนี้เป็นต้น /puke

ข้อที่ 2 เนียนครองเเชทด้วยการพิมพ์ Emotion !! วิธีนี้จำเป็นต้องหาจังหวะเนียนๆ มีสมาชิกออนอยู่ซัก 2 - 4 ประมาณนี้เท่านั้นถึงจะมีโอกาศสำเร็จสูง


ข้อที่ 3 ยึดเเชทแบบโจ่งเเจ้ง ! เช่น "ครองเเชท 5 นาที " "ครองเเชท 1 ชม. "
วิธีนี้ต้องอาศัยดวงเยอะมากๆจึงจะสำเร็จ ฉะนั้นวิธีนี้ผมเเนะนำให้ท่านทำบุญเยอะๆ หมั่นทำความดีไม่เสพด้านมืดบ่อยๆละกันนะครับ ทำหน้าเหยาหมิง

ข้อที่ 4 ครองเเชทโดยการหาจังหวะไม่มีคนอยู่เเล้วกระซิบกับตนเอง วิธีนี้ใช้ได้ผลดีมากๆ เเต่ควรระวัง ผู้ดูเเลชื่อสีฟ้าเเละสีส้มให้ดีนะครับ โดยเฉพาะชื่อสีส้ม Oh My God

ข้อที่ 5 ครองเเชทโดยการเปลี่ยนสีข้อความเป็นสีขาว ไม่ต้องอธิบายอะไรมากครับ วิธีนี้ได้ผลดีมากๆถ้าท่านไม่เปิดเผยเคล็ดวิชานี้เเม้เเต่เซนต์เเห่งอาเธน่าก็มิอาจต่อต้านท่านได้ เครดิตเคล็ดวิชานี้โดยท่าน natsukikung Me gusta

ขอให้โชคดีในการครองเเชทนะครับ เเละหวังว่าจะไม่โดน Sparta #1 กันถ้วนหน้านะครับ ไฮโซ
Rocette 06-08-2014, 11:40 AM
คือ ไอ้เกาะร้างฮาชิมะ ในญี่ปุ่น ที่เขาว่ามันแสนน่ากลัว เต็มไปด้วยวิญญาณ มีคนตายมากมายนั้น

ผมไปเจอในเน็ตว่า ป๋าเกิ้ลเค้าส่งคนไปถ่ายทุกซอกทุกมุม มาทำgoogle mapแล้วฮะ

https://www.google.com/maps/@32.629071,1...cw!2e0!3e5

อิอิ ดูๆไปแล้ว ที่จริงมันก็เกาะร้างๆไม่มีคนเฉยๆ แต่เพราะบรรยากาศ ทำให้มนุษย์เกิดจินตนาการมากก่า..

คิดว่าไงครับ
(กูเกิ้ลแม้งสุดยอด)
dreamknight 06-08-2014, 12:37 AM
;3

สุขสันต์วันเกิดค้าบ ท่านบาส ^^

ขอให้มีความสุขครับ และงานวาดอัพไวๆ เยอะๆ นะครับ

[Image: bassza123_hbd_2014_by_dreamknightgames-d7le26s.jpg]
Pages (59):    1 20 21 22 23 24 59   
Welcome, Guest
You have to register before you can post on our site.
Lost Password?
Remember me?
 
Members: 4,101
Latest member: mdsudaipur13
Forum threads: 3,027
Forum posts: 27,741
There are currently 222 online users. 0 Member(s) | 220 Guest(s)
Google, Applebot
Latest Threads
[Full-Early Access] Touho...
Forum: Ongoing Project
Last Post: OP_Jum_RPG, 09-26-2024, 02:25 PM
Replies: 13 - Views: 32,250
Entrained Me: ข้อมูลและ D...
Forum: Ongoing Project
Last Post: dreamknight, 08-09-2024, 09:14 PM
Replies: 2 - Views: 2,372
[แคสเกมส์] Gay Hazard
Forum: irpg Broadcasting Tower
Last Post: xAriax, 07-08-2024, 10:26 PM
Replies: 1 - Views: 2,049
HBD วันสถาปนา IRPG 15 ปี ...
Forum: Town Square
Last Post: Jirayu, 06-16-2024, 09:56 PM
Replies: 2 - Views: 1,427
[RMMZ] JABS Survival Shoo...
Forum: The Great RPG Maker Library
Last Post: ancient-eagle, 03-07-2024, 03:44 AM
Replies: 6 - Views: 15,613
[Moving Forward]A Bear Ta...
Forum: Completed Project
Last Post: veerachaimano, 02-11-2024, 05:07 PM
Replies: 137 - Views: 341,814
Walpurgis Raid
Forum: Completed Project
Last Post: toonyoza, 12-15-2023, 10:24 PM
Replies: 0 - Views: 1,800
Kingdom Combat [ศึกอาณาจั...
Forum: Completed Project
Last Post: MongonAF48DW, 09-24-2023, 01:03 AM
Replies: 6 - Views: 18,381
Powered By MyBB, © 2002-2024 MyBB Group.
Made with by Curves UI.